เข้าใจเรื่องปาฏิหาริย์

 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่  13 ก.พ. 2556
หมายเลข  22483
อ่าน  1,738

เนื่องด้วยในการสนทนาธรรมภาษาอังกฤษ

มีผู้ศึกษาพระไตรปิฎกและพบว่า พระพุทธองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะยมกปาฎิหาริย์ เมื่อครั้งทรงเสด็จโปรดพระมารดาในสวรรค์ แล้วทรงแสดงกลับมายังโลก โดยมีบันไดเงิน บันไดทองคำ และบันไดแก้วมณี ทอดยาวลงมาจากเทวโลก ผู้ศึกษามีความสงสัยว่า เรื่องดังกล่าวดูเสมือนจะเหนือไปจากเหตุผลและเป็นเรื่องเหลือเชื่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลาที่ทรงอยู่บนสวรรค์และปรากฏการณ์ต่างๆ ขณะทรงเสด็จลงมา และทรงเปิดโลกทั้งสามด้วย

จึงขออนุญาตเรียนถามว่า ควรพิจารณาด้วยเหตุผลอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์แก่การศึกษาและเข้าใจพระธรรมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หากเข้าใจความเป็นพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าคือใคร ประกอบด้วยพระคุณอย่างไรบ้าง ย่อมจะเข้าใจในประเด็นนี้ ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์สะสมคุณธรรมความดีมากมายมหาศาล นับชาติไม่ถ้วน ทั้งปัญญา และ คุณความดีอื่นๆ จนบารมี หรือ คุณธรรมประการต่างๆ เต็ม แก่กล้า พร้อมที่จะบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้า และ ในพระชาติสุดท้าย ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นบุคคลผู้เลิศ ประเสริฐสูงสุด เพราะพระองค์ทรงถึงพร้อมด้วยคุณธรรมทุกๆ อย่างทั้งหมด ทั้งคุณธรรมที่เป็นการอบรมฌาน สมถภาวนา ที่เป็นคุณความดีประการหนึ่งที่ทำให้จิตสงบอย่างยิ่ง จนสามารถทำให้เกิดการแสดงอิทธิฤทธิ์ประการต่างๆ ได้ และ ทรงถึงพร้อมด้วยปัญญา คือ วิปัสสนา ที่ทรงประจักษ์สภาพธรรมตามความเป็นจริง ดังนั้น ในเมื่อสัตว์โลกที่หนาด้วยกิเลส กิเลสย่อมเป็นเครื่องกั้นความสามารถพิเศษ ไม่สามารถที่มนุษย์ทั่วไปทำได้ แต่ในเมื่อพระพุทธเจ้าทรงถึงพร้อมด้วยคุณความดีประการต่างๆ จนสูงสุด เพราะความดีที่มีมาก เช่น จิตบริสุทธิ์จากกิเลสจนหมดสิ้น หากเราเทียบทั่วไปกับตัวเราเอง คนทั่วไปที่ฟุ้งซ่าน มากๆ กับจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน อย่างไหนจะคิดได้ดีกว่ากัน อย่างไหนจะทำงานมีประสิทธิภาพ มีความสามารถมากกว่ากัน แน่นอนครับว่า จะต้องเป็นจิตที่สงบนิ่งปราศจากกิเลส และ ถ้าจิตที่ไม่มีกิเลสเลย และ มีคุณธรรมที่อบรมความสามารถที่เจริญสมถภาวนา จนชำนาญย่อมจะมีความสามารถพิเศษกว่าคนอื่นๆ ได้มากกมาย ดังนั้น การเปรียบเทียบในสิ่งต่างๆ ตัวเราเองไม่สามารถเป็นมาตรฐานได้ เพราะไม่มีคุณความดี ไม่มีจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลส และ ไม่ได้อบรมเหตุของการได้ความสามารถพิเศษมีการได้ฤทธิ์อันเกิดจากการเจริญสมถภาวนา เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่ตนไม่มีคุณธรรมอย่างนั้น ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สิ่งที่เหลือวิสัยตน บุคคลอื่นจะทำไม่ได้ เพราะมีบุคคล ผู้ที่มีจิตต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง จิตที่ฝึกดีแล้ว ด้วยปัญญาสูงสุด คุณธรรมสูงสุด เพราะจิตที่บริสุทธิ์ด้วยปัญญา จึงเป็นเหตุให้สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ เป็นธรรดา

พระพุทธเจ้าจึงถึงพร้อมด้วยคุณ ที่เรียกว่า วิชชา และ จรณะ คือ วิชชาที่เป็นปัญญาสูงสุด และจรณะ คือ การเจริญฌาน จนสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ไม่มีใครที่จะเปรียบเหนือกว่าพระองค์ เพราะ คุณความดีที่ได้อบรมมานับชาติไม่ถ้วนทำให้พระชาติสุดท้าย ก็ถึงพร้อมด้วยความสามารถต่างๆ สูง สุด ตามเหตุที่ได้สะสมมาด้วย สิ่งบางอย่างจึงเหลือเชื่อสำหรับผู้ที่ไม่ได้อบรมเหตุ ด้วยจิตไม่บริสุทธิ์ ไม่มีปัญญาดังเช่นพระพุทธเจ้า แต่เป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับผู้ที่มีปัญญาได้อบรมเหตุมาแล้ว ธรรมจึงเป็นธรรมดาเป็นปกติ เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะเมื่อเข้าใจความเป็นเหตุปัจจัยอย่างถูกต้องแล้ว จะเข้าใจว่าเป็นธรรมดาไม่เหลือเชื่อเลย เพราะสิ่งที่เหลือเชื่อ คือ สิ่งที่ไม่จริง สิ่งไม่ตรงตามเหตุ แต่การแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ ไม่เหลือเชื่อ เพราะมีเหตุให้ถึง คือ การเจริญสมถภาวนาและก็ต้องได้ผลตามเหตุที่ได้อบรม ครับ

ประโยชน์ของการพิจารณาในเรื่องนี้ ประโยชน์ ก็คือ การเกิดขึ้นของกุศลจิตของบุคคลนั้นเองที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบในเรื่องนี้ ด้วยเพราะมีความเข้าใจถูกว่า ธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัย การแสดงฤทธิ์ได้ ก็เพราะมีการเจริญกุศลที่มีกำลัง คือ การเจริญสมถภาวนาจนถึงขั้นสูงสุด ควรอย่างยิ่งที่จะอนุโมทนา ในคุณความดีที่บุคคลนั้นได้อบรมมาจนได้ฤทธิ์ได้ฌาน และ ควรอย่างยิ่งที่จะเกิดศรัทธาในพระปัญญาคุณ และ พระคุณของพระพุทธเจ้าที่จะเกิดศรัทธาในพระพุทธองค์ที่ถึงพร้อมด้วยคุณสูงสุด ทั้งฤทธิ์และปัญญา

ดังเช่น ผู้คนในสมัยพุทธกาล มีพระญาติและพุทธบริษัทที่ได้เห็นการแสดงฤทธิ์ของพระองค์ ท่านก็เกิดศรัทธา เกิดกุศลจิต ในพระคุณของพระพุทธเจ้าที่เลิศสูงสุด ประโยชน์ที่ได้รับในขณะนั้น คือ จิตที่ปราศจากกิเลส จิตผ่องใสด้วยคุณความดี ที่เกิดในจิตใจ เกิดกุศลจิตกับบุคคลนั้นเอง อันจะทำให้ผลของกุศลนั้นอำนวยประโยชน์กับบุคคลที่เลื่อมใสในวัตถุที่เลิศ มีพระพุทธเจ้า อย่างหาประมาณมิได้ เพราะบุคคลเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศย่อมได้สิ่งที่เลิศด้วย ครับ

หากจะมองว่า การได้ฤทธิ์ ที่เรียกว่าอิทธิปาฏิหารย์ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การแสดงฤทธิ์ได้ ของพระองค์หรือผู้อื่น ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เลย เพราะอิทธิปาฏิหารย์ก็สามารถอบรมเหตุได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถดับกิเลสประจักษ์ความจริงได้ที่กำลังมีในขณะนี้ แต่ สิ่งที่อัศจรรย์ น่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่ต้องด้วยปัญญาที่เป็นวิปัสสนา อันเกิดจากผู้ที่พบหนทาง คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่ให้รู้ความจริงในสภาพธรรมในขณะนี้ เหลือเชื่อ ยากยิ่งกว่า ประเสริฐสุด เพราะสามารถละกิเลส ความไม่รู้ ในขณะนี้ที่ยังเห็นว่าเป็นสัตว์ บุคคลเปลี่ยนเป็นสภาพธรรม เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น และไม่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคล ยากยิ่งแค่ไหน จึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐสูงสุด อัศจรรย์ที่สุด ในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในเรื่องสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ดังนั้น ก็ไม่ปฏิเสธในเรื่องใด แต่เข้าใจเหตุว่า ถ้าเหตุมีผลย่อมมี และย่อมเกิดกุศลจิตได้ ตามที่กล่าวมา ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
นิรมิต
วันที่ 13 ก.พ. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นผลของการอบรมเจริญสมถภาวนา จนคล่องแคล่วไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้นได้ ต้องเป็นผู้สะสมมาเท่านั้น และยิ่งถ้าเป็นบุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีบุคคลผู้เปรียบกับพระองค์ได้เลย บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม ก็ย่อมจะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เข้าใจในเหตุในผล ในความเป็นจริงของธรรมมากขึ้น ไม่มีอะ ไรที่จะเกิดขึ้นเองโดยปราศจากเหตุปัจจัย แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะตามความเป็นจริงแล้ว สภาพธรรมไม่สามารถบังคับให้เกิดขึ้นเป็นไปตามใจชอบได้

ปาฏิหาริย์ที่ประเสริฐที่สุด คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (คำสอนเป็นอัศจรรย์) ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้สัตว์โลกจากที่เป็นผู้มากไปด้วยกิเลส ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่เกิดอีกเลย นี้เป็นประโยชน์สูงสุดของอนุสาส นีปาฏิหาริย์ เป็นคำสอนที่เป็นอัศจรรย์จริงๆ ทำให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง คือ สามารถ ดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ซึ่งสิ่งอื่นไม่สามารถที่จะทำให้เป็นอย่างนี้ได้เลย ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระองค์ทรงแสดงเท่านั้น หรือถ้าไม่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมตามกำลังปัญญาของแต่ละคน เป็นพระอนาคามี เป็นพระสกทาคามี เป็นพระโสดาบัน และถ้ายังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ก็เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นคนดี ที่เข้าใจพระธรรม สะสมปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า และที่จะได้เข้าใจตามความเป็นจริงของธรรม ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แม้ในส่วนของอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั่นเอง ดังนั้น จึงต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นจริงๆ คือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.พ. 2556

การได้ฟังเรื่องอิทธิปาฏิหารย์เพื่อให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสในคุณของพระพุทธเจ้า ที่ได้สะสมบุญบารมีมา ทำให้มีฤทธานุภาพ แสดงฤทธิ์ได้ ทำให้คนสะสมปัญญามาได้รู้ ก็ยิ่งเกิดศรัทธาเลื่อมใส และจากไม่เลื่อมใสก็เกิดความเลื่อมใสขึ้น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.ผเดิม อ.คำปั่น อ.วรรณี และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
natre
วันที่ 14 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nopwong
วันที่ 14 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Boonyavee
วันที่ 15 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
rrebs10576
วันที่ 16 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 18 ก.พ. 2556

แต่ก่อนก็ไม่เชื่อค่ะ คิดว่าเป็นอุบายในการสอนธรรม แต่เดี๋ยวก็มีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดแล้วมากมาย เช่น อยู่คนละซีกโลกแต่คุยกันได้ชัดเจน เห็นหน้ากันก็ยังได้ โลหะน้ำหนักหลายตันขึ้นไปลอยบนฟ้าได้สัตว์บางอย่างก็มีสัญชาตญาณ เช่น มดขนไข่พยากรณ์ฝนตกได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Thanapolb
วันที่ 21 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"...พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้สัตว์โลกจากที่เป็นผู้มากไปด้วยกิเลสที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น...." เป็นปาฏิหาริย์ที่ประเสริฐที่สุด.....

ขอบพระคุณ อาจารย์คำปั่น และอาจารย์ผเดิม มากครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
วิริยะ
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 21 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ