สัมภเวสีสัตว์

 
pong2
วันที่  25 ก.พ. 2556
หมายเลข  22535
อ่าน  2,333

สงสัยสัมภเวสีสัตว์ครับมันเป็นอย่างไรมีกี่ขันธ์ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 25 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นต้องทราบความหมายของคำว่า ขันธ์ และ สัมภเวสี

-ขันธ์ หมายถึง สภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เกิดแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ขันธ์ มี ๕ ได้แก่ รูปขันธ์ (ได้แก่รูปธรรมทั้งหมด) สัญญาขันธ์ (สัญญาเจตสิก สภาพธรรมที่จำ) เวทนาขันธ์ (เวทนาเจตสิก สภาพธรรมที่รู้สึก) สังขารขันธ์ (เจตสิกธรรม ๕๐ มี ผัสสะ เจตนา เป็นต้น) และ วิญญาณขันธ์ (จิตทุกประเภท) ต่างก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปทั้งสิ้น ทุกขณะไม่พ้นไปจากขันธ์ เพราะมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด

-ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องมีการเกิดในภพต่างๆ อยู่ร่ำไป ยังเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้น เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว ใครก็ตาม ที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นสัมภเวสีทั้งหมด เพราะคำว่า สัมภเวสี แปลตามศัพท์ได้ว่า ผู้แสวงหาการเกิด หมายความว่า เป็นผู้ยังต้องเกิดอีก ตามข้อความที่ว่า [เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่มที่ ๑๗ -หน้าที่ ๕๖๖, ๕๖๗ เหล่าสัตว์ที่เสาะหา คือ แสวงหาการสมภพ คือ การเกิด ได้แก่ การบังเกิดขึ้น ชื่อว่า สัมภเวสี.

สัตว์เหล่าใดกำลังแสวงหาการเกิด สัตว์เหล่านั้น ชื่อว่า สัมภเวสี, คำว่า สัมภเวสี นี้ เป็นชื่อของพระเสขะและปุถุชนผู้กำลังแสวงหาการเกิดต่อไป เพราะยังละสังโยชน์ในภพไม่ได้ (คือ ละความติดข้องในภพ ยังไม่ได้) .


สัตว์โลกมีความแตกต่างกัน สัตว์บางพวกเกิดในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครบ ได้แก่ อบายภูมิ ๔ มนุษย์ภูมิ ๑ สวรรค์ ๖ ชั้น และ รูปพรหมภูมิ ๑๖ เว้น อสัญญสัตตาพรหม บางพวกเกิดในภูมิที่มีขันธ์เดียว (อสัญญสัตตาพรหมภูมิ) บางพวกเกิดในภูมิที่มีขันธ์ ๔ (เฉพาะนามขันธ์) คือ เกิดเป็นอรูปพรหมบุคคล ในอรูปพรหมภูมิ

เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เป็นผลของอกุศลกรรม, เกิดเป็นสัตว์ในสุคติภูมิ ด้วยผลของกุศลกรรม, เกิดในรูปพรหมภูมิ เป็นผลของรูปฌานกุศล เกิดในอรูปพรมหมภูมิ เป็นผลของอรูปฌานกุศล

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ถ้าเกิดเป็นสัตว์ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็เป็นสัมภเวสีมีขันธ์ ๕ ทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม เกิดขึ้นเป็นไป ถ้าเกิดในภูมิที่มีเพียงรูปธรรม ก็เป็นสัมภเวสีมีเพียงรูปขันธ์ เกิดขึ้นเป็นไป ถ้าเกิดเป็นสัตว์ที่มีขันธ์ ๔ ก็เป็นสัมภเวสีมีเพียงนามขันธ์ ๔ (สัญญาเวทนา สังขาร และวิญญาณ) เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งเมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 25 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัมภเวสี โดยมาก ตามความเข้าใจเดิม เมื่อยังไม่ได้ศึกษาธรรม ย่อมเข้าใจกันว่า คือ ผู้ที่ตายไปแล้ว และยังวนเวียนไปหาที่เกิดใหม่ยังไม่ได้ เป็นสัมภเวสีที่ล่องลอยไป แต่ในความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูป หรือขันธ์ ๕ ที่เป็นนามธรรม และ รูปธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ดังนั้น คำว่า สัมภเวสี จึงไม่ใช่สัตว์บุคคลที่เป็นสัมภเวสี ไม่ใช่วิญญาณล่องลอยที่ยังไม่เกิด เพราะตามธรรมดาที่เป็นสัจจะ ตราบใดที่ยังมีกิเลส เมื่อตายแล้ว คือ จุติจิตเกิด ปฏิสนธิจิตจะต้องเกิดต่อทันที คือ ตายแล้วเกิดทันที ซึ่งก็แล้วแต่ว่า กรรมใดที่จะให้ผล ให้ไปเกิดในภพภูมิใด

เพราะฉะนั้น การที่เรายังเห็นบุคคลที่ตายไปแล้ว ปรากฎให้เห็นอยู่ ไม่ใช่ว่าเขายังไม่ไปเกิด แต่ไปเกิดแล้วเป็นภพภูมิอื่น เช่น เปรต ปรากฎตัวเพื่อที่จะให้ญาติอุทิศส่วนกุศลไปให้ ครับ และ ตามพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สัมภเวสี คือ สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด หากไม่ละเอียด ก็สำคัญว่า มีสัตว์ บุคคล ตายแล้วเกิด ก็ยังเป็นผู้ที่มีความเห็นผิดที่ละเอียดปิดบังอยู่ เพราะฉะนั้นแม้พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง แสดงว่าสัมภเวสีคือ สัตว์ผู้ที่แสวงหาที่เกิด คือ ยังจะต้องเกิดอีก คือ ปุถุชน ที่เกิดในภพภูมิต่างๆ ที่มีทั้ง ขันธ์ ๑ ขันธ์ ๔ และ ขันธ์ ๕ และ พระโสดาบัน พระสกทาคามี และ พระอนาคามี ก็ยังเป็นสัมภเวสี คือ ยังจะต้องเกิด แต่ไม่ได้หมายถึงว่า มีตัวตนที่จะไปแสวงหาที่เกิด แต่มี จิต เจตสิก ที่จะต้องเกิดอีก เมื่อใดที่ยังจะต้องมีการเกิดขึ้นของจิตเจตสิกอีกหลังจากเกิดจุติจิต ก็ชื่อว่า เป็นสัมภเวสี เพราะฉะนั้น เมื่อว่าโดยสภาพธรรมที่ไม่มีสัตว์ บุคคล ขณะนี้ ที่ยังจะต้องเกิดมีจิตที่เกิดขึ้นและดับไป และจุติที่จิตดับไปของจิตที่ยังมีอนุสัยกิเลสก็ชื่อว่า จิตนั้นจะต้องเกิด คือ ไม่มีใครแสวงหาที่เกิด แต่จิตที่ทำให้เกิดปฏิสนธิจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้น แสวงหาที่เกิดต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ครับ

ขันธ์ ๕ ของพระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่ใช่สัมภเวสีอีกต่อไปครับ เพราะจะไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม คือ จิต เจตสิก ไม่มีการแสวงหาที่เกิด คือ จิต เจตสิก ไม่ต้องมาเกิดขึ้น แสวงหาที่เกิด คือ เกิดที่รูปต่างๆ เมื่อไม่มีการเกิดก็ไม่ต้องแสวงหาที่เกิด ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pong2
วันที่ 26 ก.พ. 2556

ขอขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natural
วันที่ 26 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 28 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ฐาณิญา
วันที่ 28 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
boonpoj
วันที่ 20 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 8 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ