ร่างกายเป็นของเน่าเหม็น ทำให้รังเกียจ จิตเลยหมองครับ

 
เชียงคำ
วันที่  3 มี.ค. 2556
หมายเลข  22572
อ่าน  3,054

พิจารณาความโสโครกของร่ายกาย ทางหูมีน้ำหู ตามีขี้ตา หนังมีเหงื่อ จมูกขี้มูก ทวารเบาน้ำปัสสาวะ ทวารหนักอุจจาระ พอพิจารณาเห็นอย่างนี้ เพื่อไม่ให้ยึดติดหลงว่าร่างกายมันสวยงามน่ายึดติด มันก็ไม่ยึดติดอีก แต่กลายเป็นแทนที่จะหลุดจากกิเลสตัวนี้ ก็ดันไปติดกิเลสอีกตัว ก็พราะจิตมันกลายเป็นเศร้าหมอง รังเกียจตัวเองไม่พอ ยังรังเกียจร่างกายคนอื่น ไม่ค่อยอยากยุ่ง อยากหอม อยากจับ อยากแตะเลย

สมัยพุทธกาล ตอนพระพุทธเจ้าแสดงเรื่องนี้ ขนาดพระโพธิสัตว์ ยังเอามีดปากคอฆ่าตัวเองเลย รังเกียจร่างกายนี้สุดๆ แล้วแบบนี้จะแก้ยังไงดี


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญอสุภภาวนาต้องเป็นเรื่องของปัญญาเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องยากและละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งการรังเกียจในการเจริญอสุภภาวนาจะต้องเป็นการรังเกียจด้วยปัญญา เบื่อหน่ายด้วยปัญญา แต่ไม่ใช่เป็นการรังเกียจด้วยโทสะความไม่ชอบ ตรงนี้แยกยากมาก เพราะอกุศลย่อมลวงสำคัญว่าเป็นความรังเกียจในร่างกาย แม้ที่จริงเกิดความไม่ชอบอยู่ในใจที่เห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม หรือ ขณะที่พิจารณาความไม่งาม ผู้ที่จะเจริญอสุภภาวนาจะต้องมีปัญญาที่เห็นโทษของความปฏิกูลของร่างกาย ว่าไม่น่ายินดีติดข้อง เมื่อเกิดปัญญาแล้วเจริญอสุภภาวนาถูก จะไม่เกิดอกุศลที่เป็นความติดข้อง ยินดีในร่างกายของตนเองและผู้อื่น และก็จะไม่เกิดอกุศลที่เป็นโทสะ ที่เป็นความรังเกียจ ไม่ชอบบุคคลอื่น หากเกิดกิเลสที่ไม่ชอบคนอื่น ร่างกายคนอื่น แสดงว่า เจริญอสุภภาวนาไม่ถูกต้อง ครับ

ดังนั้น การเจริญอบรมปัญญา ไม่ใช่การจะเลือกหมวดใดหมวดหนึ่งตามใจชอบ สำคัญที่จะต้องเริ่มจาการศึกษา ฟังพระธรรมให้เกิดปัญญาข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องที่จะไปทำ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ

ขอให้กลับมาเริ่มที่การฟังพระธรรม ในเรื่องของความเข้าใจความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา โดยไม่ต้องไปเจาะจงที่เจริญอสุภภาวนา หากเรามีความเข้าใจในเรื่องสภาพธรรม ปัญญาย่อมเจริญและถึงการดับกิเลสได้ เพราะเดินหนทางที่ถูก คือ การเจริญสติปักฐานที่รู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรม ซึ่งสามารถละความเห็นผิดได้ และ กิเลสอื่นเป็นไปตามลำดับ โดยไม่ข้ามขั้นที่จะไปเจริญในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 4 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เชียงคำ
วันที่ 4 มี.ค. 2556

สาธุ ขอบคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 4 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ถ้าไม่ตั้งต้นที่การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แต่ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความเป็นตัวตน ต้องการที่จะทำให้กิเลสหมด ก็ย่อมไม่เป็นเหตุให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้นได้เลย ความเป็นจริงแล้ว อกุศลเกิดขึ้นเป็นไปมากในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องขัดเกลาด้วยกุศลธรรม แม้ในขณะที่ฟังพระธรรมเข้าใจ ก็ขัดเกลาความไม่รู้ความติดข้องความเห็นผิดแล้ว ในขณะที่กุศลเกิดขึ้น อกุศลย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 6 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 7 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 26 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 26 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ