ความเห็นผิด

 
นิรมิต
วันที่  5 มี.ค. 2556
หมายเลข  22579
อ่าน  1,067

กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน มีข้อสงสัยขอกราบเรียนถามดังนี้ครับ

หากว่าเราอ่านหนังสือนิยายต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่านิยายก็ต้องมีการเขียนเรื่องราวให้วิจิตรพิศดารต่างๆ เพื่อให้คนชอบ ก็มีทั้งเรื่องที่ประกอบด้วยความเห็นผิดเรื่องโลกบ้าง เรื่องสภาพธรรมบ้าง แล้วเราก็ชอบนิยายนั้น ชอบเรื่องนั้นๆ ขณะนั้นเป็นโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต์หรือวิปปยุต์ครับ ถ้าเพียงแค่ชอบในความเห็นนั้นๆ เช่น เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นว่าเรื่องกรรมไม่มี ผลของกรรมไม่มี หรือมีการย้อนอดีตได้ ย้อนเวลาได้ ซึ่งขัดแย้งกับการเกิดดับของจิต แล้วเราก็ชอบในความเห็นอย่างนั้น ในพล็อตเรื่องอย่างนั้น แต่เพียงชอบเฉยๆ ไม่ได้มีความเห็นอย่างนั้นจริงๆ ขณะนั้นจะเป็นโลภะประกอบด้วยความเห็นผิดหรือไม่ ประการใดครับ แล้วหากไม่ใช่ ขณะนั้นมีลักษณะที่ต่างกับลักษณะของทิฏฐิเจตสิกอย่างไรครับ ในเมื่อก็ชอบในความเห็นผิดเหมือนกัน

------

ขออนุญาตกราบเรียนอีกคำถามครับ

พระโสดาบันประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง จนดับความเห็นผิดได้หมด ไม่ทราบว่า ก่อนจะเป็นพระโสดาบัน จะต้องระลึกลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมดที่มี คือ จะต้องรู้ละเอียดถึงขั้นว่า ในโลภมูลจิตหรืออกุศลจิตทุกดวง มีโมหเจตสิกประกอบด้วย หรือ จะต้องรู้ละเอียดถึงขั้นว่า จิตทุกดวงมีโสภณสาธารณะเจตสิกเกิดร่วมด้วย มีเจตสิกนั้นๆ เกิดร่วมด้วย หรือ รูปร่างกายนี้มีอวินิพโภครูป ๘ มีสัทรูป มีวิกาลรูป ตามแต่กลาปๆ อย่างนี้ๆ คือ รู้โดยละเอียดทั้งหมดของลักษณะจิต-เจตสิก-รูป ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ในพระอภิธรรมหรือเปล่าครับ หรือเพียงรู้แค่พอประมาณ ตามวิสัยๆ ของตนๆ ไม่จำเป็นต้องระลึกรู้สภาพธรรมทั้งหมด ระลึกรู้ละเอียดในลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมดตามที่ทรงแสดงไว้ในพระอภิธรรม ก็เพียงพอที่ปัญญาจะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรม และประจักษ์ความไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน จนไถ่ถอนความยึดมั่นถือมั่น ดับกิเลสเป็นสมุจเฉทได้

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 6 มี.ค. 2556

๑. ถ้าเป็นเพียงชอบแบบบันเทิง สนุกๆ ก็เป็นเพียงโลภะที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย แต่ถ้ามีความเห็นคล้อยตาม เห็นด้วยกับความเห็นเหล่านั้น ก็มีทิฏฐิเกิดร่วมด้วยครับ

๒. ท่านรู้ได้ตามสมควร ไม่ใช่รู้ละเอียดทุกอย่าง ผู้ที่รู้ละเอียดทุกอย่างต้องมีปัญญาระดับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 6 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับประเด็นในเรื่องการอ่านนิยาย มีความเห็นผิดหรือไม่ พระธรรมละเอียดลึกซึ้งแม้แต่ในเรื่องโลภะที่ประกอบด้วยความเห็นผิด และ โลภะที่ไม่ประกอบด้วยความเห็นผิด ก็มีความละเอียด ซึ่ง จากประเด็นที่ผู้ถามถามนั้น ขณะที่ชอบนิยาย ชอบเรื่องราวของเรื่องที่สนุก ในเรื่องย้อนเวลา ที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ขณะนั้น เพียงชอบในเรื่องราวของนิยาย แต่ยังไม่ได้มีความเห็นเกิดขึ้นว่า จิตไม่เกิดและไม่ดับ และไม่ได้มีความเห็นว่า เที่ยง ในขณะนั้น ที่แสดงถึงความเห็นผิด จึงเป็นโลภะที่ไม่ประกอบด้วยความเห็นผิด ครับ แต่หากว่าเกิดชอบในเรื่องราวของสภาพธรรมที่เป็นเรื่องราวที่แสดงความเห็นผิด เช่น เที่ยง โลกนี้ยั่งยืน เมื่อเกิดความเห็นเช่นเดียวกับเรื่องนั้น คือ เกิดความเห็นว่าทุกอย่างเที่ยง ยั่งยืน เห็นด้วยกับเรื่องราวในนิยาย ที่แสดงผิดจากความเป็นจริง ขณะนั้นเป็นโลภะที่ประกอบด้วยความเห็นผิดแล้ว ครับ

ส่วนประเด็นในเรื่องของพระโสดาบัน จะต้องรู้ความละเอียดของสภาพธรรม เช่น รู้เจตสิกที่เกิดกับจิตว่ามีเท่าไหร่ ประจักษ์เช่นนั้นหรือไม่ สัตว์โลกสะสมอุปนิสัย และ ปัญญามาแตกต่างกันไป ผู้ที่สอบเลื่อนชั้นในห้องเรียนที่มีเกณฑ์ว่าจะต้องได้คะแนนเท่านี้ จึงจะสอบผ่าน บางคนก็สอบได้คะแนนมาก เกินเกณฑ์การเลื่อนชั้น เช่น สอบผ่านสิบห้าคะแนน แต่สอบได้ยี่สิบแปด อีกคนก็สอบเพียงผ่าน ได้สิบหกคะแนน เพราะตนเองฉลาดน้อยกว่า แต่ก็สอบผ่านได้เลื่อนชั้น สัตว์โลกแต่ละคนก็เช่นกัน สะสมปัญญามาไม่เท่ากัน มีความละเอียดของปัญญาที่แตกต่างกัน ดังนั้น ผู้ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน ต่างก็จะต้องเจริญสติปัฏฐาน อบรมปัญญาในหนทางเดียวกัน ที่จะต้องระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา จนถึงได้วิปัสสนาญาณ และถึงความเป็นพระโสดาบัน ซึ่งปัญญาของแต่ละท่านที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน ก็แตกต่างกันในความละเอียดของปัญญา

อย่างเช่น พระอานนท์ มีปัญญามาก ย่อมรู้ความละเอียดของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา และ รู้ความละเอียดของธัมมะ ที่ละเอียดลงไปอีกว่ามีเจตสิกที่เกิดในขณะนั้นอย่างไร โดยไม่ใช่การคิดนึก แต่ประจักษ์สภาพธรรมในขณะนั้นจริงๆ ส่วนพระโสดาบันบางท่านก็ไม่ได้รู้สภาพธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง ที่จะต้องรู้ว่าจิตนั้นมีเจตสิกเท่าไหร่ แต่ท่านก็อบรมปัญญา รู้ทั่วในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ทั่วทั้งหกทวารเช่นกัน แต่ไม่ได้รู้ละเอียดมากก็ได้ แต่พระโสดาบันทั้งหมด ก็ประจักษ์พระนิพพานเช่นกัน แต่ต่างกันที่ปัญญา แตกต่างกันได้ครับ อย่างเช่น พระอรหันต์ ก็ต่างกันตามปัญญา ก็เช่นกัน พระสารีบุตรมีปัญญามากที่สุดในสาวก รู้ความละเอียดของสภาพธรรมได้มากกว่าผู้อื่น แต่พระอรหันต์รูปอื่นก็รู้ได้ไม่ละเอียดเท่า เพราะปัญญาไม่มากเท่าท่าน แต่ที่เหมือนกัน คือ ดับกิเลสหมดสิ้นเช่นกัน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
นิรมิต
วันที่ 6 มี.ค. 2556

กราบขอบพระคุณท่านวิทยากร และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 6 มี.ค. 2556

ทำให้เข้าใจเรื่องระดับของปัญญาเพิ่มขึ้นค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 6 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 6 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความติดข้องยินดีพอใจเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามการสะสมของแต่ละบุคคล แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ว่า ชอบ (ติดข้อง) ไม่รู้จบ ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสประภทนี้ได้อย่างหมดสิ้น ตามความเป็นจริงแล้ว อกุศลแม้จะเล็กน้อยก็ไม่ดี ไม่เป็นประโยชน์ จึงไม่ควรประมาทกำลังของอกุศล เพราะถ้าเสพคุ้นกับสิ่งที่ไม่ดี บ่อยๆ เนืองๆ ในที่สุดก็อาจจะคล้อยตามสิ่งไม่ดีนั้นได้โดยง่าย ความเห็นผิดก็เช่นเดียวกัน ตอนแรกอาจจะเพียงแค่ชอบโดยที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย แต่ต่อไปข้างหน้า ความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรมอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ เพราะการเสพคุ้นกับเรื่องที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั่นเอง เพราะผู้ที่จะดับความเห็นผิดได้อย่างหมดสิ้น คือพระโสดาบัน

พระโสดาบันคือพระอริยบุคคลขั้นแรก ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ในบางประเภท ความเห็นผิด ความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ความตระหนี่ ความริษยา ตลอดจนถึงกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ ท่านก็ดับได้อย่างหมดสิ้น สิ่งที่พระโสดาบันรู้ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ แม้จะไม่ใส่ชื่อก็มีจริงๆ ความเป็นจริงของธรรมไม่เคยเปลี่ยน เข้าใจในความเป็นจริงของธรรมตามกำลังปัญญาของตน เมื่อเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงของธรรมว่าไม่ใช่เรา จึงไม่มีการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์บุคคล ตัวตน ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 7 มี.ค. 2556

อ่านหนังสือนิยายไม่มีความเห็นผิดก็ได้ มีความเห็นผิดก็ได้ เช่น ถ้ามีความเห็นว่ามีเรา มีความเห็นผิด ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 7 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ฐาณิญา
วันที่ 7 มี.ค. 2556

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ฐาณิญา
วันที่ 22 มี.ค. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
น้ำไหลนิ่ง
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ตามความเห็น พระโสดาบันจะเห็นอารมณ์กับจิตอยู่คนละส่วนกัน จิตก็จิต อารมณ์ก็อารมณ์ และเห็นขันธ์ห้าไม่ใช่เรา ทุกข์ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ทุกข์ สุขไม่ใช่เรา เราไม่ใช่สุข คิดไม่ใช่เรา เราไม่ใช่คิด การเห็นนี้ ต้องเป็นการเห็นที่เกิดขึ้นต่อจากจิตที่สงบแล้ว ไม่ใช่คิดนึกเอา (ภาวนามยปัญญา) ขณะที่เห็นจะเกิดความอัศจรรย์ในจิต ขณะนั้นจิตจะตั้งมั่น จิตจะหยุด ไม่วิ่งตามอารมณ์ และเห็นอารมณ์อยู่คนละส่วนกับจิต เหมือนน้ำกับน้ำมัน เมื่อเห็นแล้ว จะหายสงสัยเอง ศีลจะมาเอง ข้อวัตรของจิตจะเป็นไปโดยตรงทาง ไม่หลงไปทางอื่นอีกต่อไป จนกว่าจะเดินทางถึงบ้านที่แท้จริง คือนิพพาน

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ