อยู่กับปัจจุบัน
กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน
อยากขออนุญาตกราบเรียนถามว่า ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ให้กังวลถึงอดีตและอนาคต ก็มีผู้คนตีความกันไปต่างๆ นานา จนจับใจความไม่ได้ก็มี จึงอยากทราบว่า ข้อความและอรรถที่แท้จริง ทรงมุ่งหมายถึงอย่างไรครับ
กราบขอบพระคุณครับ
ข้อความบางตอนจากภัทเทกรัตตสูตร มีว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และ สิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน ในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้น พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด….
พระสูตรนี้อรรถกถาท่านอธิบายมีข้อความว่า ไม่ควรคิดถึงด้วยอำนาจกิเลส คือ ตัณหา ทิฏฐิเป็นต้น ถ้าจะคิดถึงอดีตหรืออนาคตด้วยกุศลจิตก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ เช่น ในพระสูตรต่างๆ มีชาดกเป็นต้น พระพุทธองค์ทรงแสดงอดีตชาติของพระองค์และบุคคลต่างๆ โดยน้อมเข้ามาให้เห็นความไม่เที่ยงของสังขารทั้งหลาย หรือการสะสมอุปนิสสัย เพื่อให้เห็นโทษ อย่างนี้มีประโยชน์ หรือแม้การคิดถึงอนาคต เช่น เราจะต้องมีความตาย ความพลัดพราก พิจารณาแล้วไม่ประมาท เจริญกุศล การคิดถึงอนาคตอย่างนี้มีประโยชน์ แต่ถ้าอยู่กับปัจจุบันกับอกุศล การอยู่แบบนี้มีโทษครับ
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพจิตใจ ส่วนกาลเวลาไม่ใช่สาระครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 400
ผู้ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เป็นอดีต ไม่บ่นถึงสิ่งที่เป็นอนาคต ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งเป็นปัจจุบัน ท่านเรียกว่า ผู้สันโดษ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อยู่กับปัจจุบันมีความหมายลึกซึ้ง คือ จะต้องอยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยความเข้าใจถูก หากไม่มีปัญญา แม้จะรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ไม่รู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรม ก็ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันด้วยปัญญา การไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว หมายถึง ไม่คำนึงถึงสิ่งหรือเรื่องในอดีตด้วยอกุศล ด้วยโลภะเป็นต้น แต่การคำนึงนึกถึงอดีตด้วยกุศลจิต ย่อมสมควรในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้รู้ลักษณะปัจจุบันที่มีลักษณะกำลังปรากฎ ส่วนการไม่คำนึงถึงอนาคต คือ ไม่คำนึงนึกถึงเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงด้วยอกุศล ด้วยโลภะ เป็นต้น แต่การนึกถึงด้วยกุศลจิตในเรื่องที่ยังมาไม่ถึงย่อมสมควรในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถระลึกถึงลักษณะที่กำลังปรากฎในปัจจุบัน การอยู่กับปัจุบัน ที่เป็นปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ย่อมละความยึดถือว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล ไม่มีเราในอดีต ไม่มีเราในอนาคต ไม่มีใครทั้งสิ้น เพราะปัจจุบันขณะ กำลังมีสภาพธรรมที่กำลังปรากฎให้รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา นี่ คือ การอยู่กับปัจจุบันด้วยปัญญา ว่ามีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ครับ
ผมอยู่กับลมหายใจเข้าออกครับ เมื่อหายใจเข้าก็รู้ เมื่อหายใจออกก็รู้ ทำอย่างนี้มา 18 ปีแล้วครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยส่วนเดียว ไม่ว่าจะทรงแสดงพระสูตรใด ส่วนใดก็ตาม ไม่พ้นไปจากเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา และ ธรรม ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เพราะเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย พระธรรมจึงเป็นเครื่องเตือนทุกแง่มุม เพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ขัดเกลากิเลสอกุศลธรรม ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย สำคัญที่ความเข้า ใจถูกเห็นถูกจริงๆ เมื่อกล่าวถึงปัจจุบันแล้ว ก็คือ ขณะนี้ ขณะนี้มีสภาพธรรมเกิดปรากฏ มีให้ศึกษาอยู่ตลอด ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ความเป็นผู้อยู่ด้วยความเข้าใจธรรม อยู่ด้วยกุศลธรรม จึงเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ทุกอย่างที่เกิดและดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลย ใหม่ตลอดเวลา ให้อยู่กับปัจจุบัน คือ รู้ธรรมที่กำลังปรากฎ ที่เกิดแล้วดับ ขณะนี้ค่ะ
.....ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพจิตใจ ส่วนกาลเวลาไม่ใช่สาระ
.....อยู่กับปัจจุบันด้วยปัญญาว่า มีแต่ธรรมไม่ใช่เรา
....ความเป็นอยู่ด้วยความเข้าใจธรรม อยู่ด้วยกุศลธรรม จึงเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด
....ให้อยู่กับปัจจุบัน...รู้ธรรมที่กำลังปรากฏ ที่เกิดแล้วดับ ขณะนี้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ