ตทาลัมพนะ และ พระนิพพาน
กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน
ขออนุญาตกราบเรียนถามข้อสงสัย 2 ข้อครับ
1. ตทาลัมพนจิตในมโนทวารวิถี อันเป็นวิภูตารมณ์ อยากทราบว่า มโนทวารวิถีรู้อารมณ์ทางมโนทวารทั้งหมด แม้ตทาลัมพจิตในวิถีนั้น 2 ขณะ ก็รู้ทางมโนทวารคือเกิดที่หทัยวัตถุ ใช่ไหมครับ จึงอยากทราบว่า ตทาลัมพนจิตเป็นวิบากจิตที่เนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไม่ทราบว่ามโนทวารวิถีขณะนั้น ไปเอาตทาลัมพนะมาจากไหน 2 ขณะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ปัญจทวารวิถี วิถีจิตไม่ได้กำลังรู้รูปที่ยังไม่ดับเป็นอารมณ์
2. ในมรรคจิต พระนิพพานทำหน้าที่ดับกิเลส หรือ ปัญญาเจตสิกทำหน้าที่ดับกิเลส แต่จิตขณะนั้นเพียงมีพระนิพพานเป็นอารมณ์เท่านั้น
กราบขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. ตทาลัมพนจิตในมโนทวารวิถี อันเป็นวิภูตารมณ์ อยากทราบว่า มโนทวารวิถีรู้อารมณ์ทางมโนทวารทั้งหมด แม้ตทาลัมพจิตในวิถีนั้น 2 ขณะ ก็รู้ทางมโนทวาร คือเกิดที่หทัยวัตถุ ใช่ไหมครับ จึงอยากทราบว่า ตทาลัมพนจิตเป็นวิบากจิตที่เนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไม่ทราบว่ามโนทวารวิถีขณะนั้น ไปเอาตทาลัมพนะมาจากไหน 2 ขณะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ปัญจทวารวิถี วิถีจิตไม่ได้กำลังรู้รูปที่ยังไม่ดับเป็นอารมณ์
ตทาลัมพนจิต ก็เช่นเดียวกัน เป็นจิตที่เกิดขึ้นรับผลของกรรม รับรู้อารมณ์ต่อจากชวนจิต เมื่อรูปนั้นยังไม่ดับก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์นั้นต่อได้ จิตที่จะกระทำตทาลัมพนกิจได้นั้นล้วนแต่เป็นวิบากจิตทั้งสิ้น (ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่กิริยา) มี ๑๑ ดวง ได้แก่ คือ อุเบกขาสันตีรณจิต ๒ ดวง โสมนัสสันตีรณจิต ๑ ดวง และ มหาวิบาก ๘ ดวง
โดยวิสัยของกามบุคคลซึ่งเป็นผู้ปฏิสนธิด้วยวิบากของกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมที่ยังเป็นไปในกาม เมื่ออารมณ์ยังมีอายุเหลืออยู่ ตทาลัมพณจิตซึ่งเป็นวิบากของกรรมที่เป็นกามวจร จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่เหลือ ๒ ขณะ และตทาลัมพนจิตดวงสุดท้ายก็ดับไปพร้อมกับอารมณ์ซึ่งเป็นสภาวรูปรูปๆ หนึ่ง นั้น กามชวนะจะเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม ถ้าอายุของรูปยังเหลืออยู่ ก็ย่อมเป็นเหตุให้ตทาลัมพณจิตเกิดต่อได้ ตทาลัมพนจิตเกิดได้ทั้งทางปัญจทวารและทางมโนทววาร ที่สำคัญ จะต้องเกิดต่อจากกามชวนะ ไม่ใช่อัปปนาชวนะ ไม่ใช่โลกุตตรชวนะ และ จะต้องเกิดกับกามบุคคล คือ บุคคลในกามภูมิ เท่านั้น
เป็นความจริงที่ว่า ตทาลัมพนจิตเป็นจิตประเภทหนึ่ง จิตทุกประเภทเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ตทาลัมพนจิตก็เช่นเดียวกัน เกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ถ้าเป็นทางปัญจทวารอารมณ์ของตทาลัมพนจิตต้องเป็นอติมหันตารมณ์ คือ เป็นอารมณ์ที่ใหญ่ยิ่ง และ ถ้าเป็นอารมณ์ทางมโนทวาร ต้องเป็นอารมณ์ที่ชัดเจนอย่างยิ่ง คือ เป็นวิภูตารมณ์ อารมณ์ทั้งสองอย่างนั้น ต้องเป็นปรมัตถอารมณ์เท่านั้น
ซึ่งตทาลัมพณจิตเกิดที่หทัยวัตถุและตทาลัมพนจิตที่เกิดทางมโนทวาร เพราะรูปนั้นดับไปแล้ว แต่เป็นปัจจุบันสันตติ จึงทำให้เกิดตทาลัมพณะจิตได้ เพราะอารมณ์นั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ครับ
2. ในมรรคจิต พระนิพพานทำหน้าที่ดับกิเลส หรือ ปัญญาเจตสิกทำหน้าที่ดับกิเลส แต่จิตขณะนั้นเพียงมีพระนิพพานเป็นอารมณ์เท่านั้น
ปัญญาทำหน้าที่ดับกิเลส ส่วนพระนิพพานเป็นอารมณ์เท่านั้น พระนิพพานไม่เกิดและไม่ดับ และไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ครับ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณ อ.เผดิมเป็นอย่างสูงครับ
ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของตทาลัมพนะครับ ในส่วนของปัญจทวารวิถี พอจะเข้าใจว่ารูปยังไม่ดับ ตทาลัมพนจิตเกิดรู้อารมณ์ต่อจากชวนอีก ๒ ขณะ จนครบอายุรูป ๑๗ ขณะ ก็ดับไป แต่ต่อนั้น มโนทวารวิถีรับอารมณ์ต่อ ขณะที่เป็นมโนทวารวิถี มีมโนทวาราวัชชนะต่อด้วย ชวน ๗ ขณะ แล้วยังมีตทาลัมพนะอีก ๒ ขณะ ตทาลัมพนะในมโนทวารวิถีที่รับช่วงต่อจากปัญจทวาร รู้อารมณ์ของรูปได้อย่างไรครับ (ตรงตทาลัมพนะ) เพราะขณะนั้น รูป ๑๗ ขณะก็ดับไปแล้วตั้งแต่ปัญจทวารวิถี พอมโนทวารวิถีรับช่วงต่อ ขณะนั้นก็ไม่ได้รู้รูปที่ยังไม่ดับเป็นอารมณ์ แต่รู้อารมณ์ของปัญจทวารวิถีเป็นอารมณ์ จึงยังไม่ค่อยแจ่มชัดว่า เอาตทาลัมพนะที่เป็นวิบากมาจากที่ไหน ๒ ขณะนั้นๆ ที่รูปก็ดับแล้วตั้งแต่ปัญจทวารวิถี กราบขอบพระคุณครับ
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
ตทาลัมพนจิต ที่เกิดทางมโนทวาร ๒ ขณะสุดท้ายนั้น รูปดับไปแล้วครับ เพราะแม้มโนทวารวิถีวาระแรก คือ ยังมีปรมัตถเป็นอารมณ์ และรูปดับไปแล้ว ตทาลัมพนจิต ๒ ขณะที่เกิดขึ้น ทางมโนทวารได้ คือ เกิดในวิถีวาระแรกที่ยังมีปรมัตถเป็นอารมณ์ แม้รูปนั้นดับไปแล้ว แต่ เป็นการเกิดดับสืบต่อโดยปัจจุบันสันตติ
ที่อาจารย์ใช้คำว่ามโนทวารนี้ หมายถึงมโนทวารหลังจากปัญจทวารดับแล้วหรือเปล่าครับ ที่กระผมสงสัยคืออย่างนี้นะครับ ว่าปรกติเมื่อปัญจทวารรับอารมณ์ที่เป็นอติมหันตารมณ์แล้ว ก็คือ
อตีตภวังค์ ภวังคจลนะ ภวังคุปัจเฉท ปัญจทวาราวัชชนะ ทวิปัญจทวารจิต สัมปฏิฉันนะ สันตีรนะ โวฏฐัพพนะ ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ตทาลัมพนะ ตทาลัมพนะ
หมดปัญจทวารวิถี ภวังค์คั่น ต่อด้วยมโนทวารวิถีรับอารมณ์ต่อจากอติมหันตารมณ์ภวังคุปัจเฉทะ มโนทวาราวัชชนะ ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ชวน ตทาลัมพนะตทาลัมพนะ
ดังนี้น่ะครับ รูปดับตั้งแต่ปัญจทวารวิถีแล้วใช่หรือเปล่าครับ ทีนี้ มโนทวารวิถีที่รับอารมณ์ต่อ ได้ตทาลัมพนะ ๒ ขณะสุดท้ายมาจากไหนหรือครับ เพราะผมเข้าใจว่า รูปต้องดับตั้งแต่ปัญจทวารวิถีแล้วดังนี้น่ะครับ
กราบขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างโดยไม่ปะปนกัน เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา เรื่องจิตประเภทต่างๆ ก็เพื่อเข้าใจว่า ไม่มีเรา ไม่ใช่เรา เป็นธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เท่านั้น และก็เป็นการยากอย่างยิ่งที่จะรู้ถึงตทาลัมพนจิตในชีวิตประจำวัน แต่เวลากล่าวก็ต้องกล่าวตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ว่า ตทาลัมพนจิตเกิดได้ทั้งทางปัญจทวารและทางมโนทวาร และเฉพาะกามบุคคลในกามภูมิเท่านั้น เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
ขณะที่มรรคจิต (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) เกิดขึ้นประหารกิจตามสมควรแก่มรรค ขณะนั้นมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ พระนิพพานเป็นอารมณ์ของมรรคจิต แต่พระนิพพานไม่ใช่สภาพรู้ไม่ใช่ธาตุรู้ ผู้ที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานต้องเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้น
หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่เริ่มจากการ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็จะค่อยๆ ทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้นไปตามลำดับ จนกว่าจะถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมในที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียนความเห็นที่ 4 ครับ
โดยทั่วไปมโนทวารวาระแรก รับรู้อารมณ์ต่อจากทางปัญจทวาร แม้รูปนั้นจะดับไปแล้วก็ตาม ซึ่งเหตุผลที่ตทาลัมพนะเกิดทางมโนทวารได้เพราะเหตุว่าอารมณ์นั้นชัดเจนมีกำลังมาก ทำให้ตทาลัมพนะที่เป็นผลของกรรมเกิดขึ้นสองขณะ อย่างเช่น อารมณ์ที่ชัดเจนมาก ก็ทำให้จิตนั้นหน่วงนึกถึงอารมณ์นั้นได้อีกทางมโนทวารแม้รูปนั้นจะดับไปแล้ว แต่การสืบต่ออย่างรวดเร็วทางมโนทวาร เพราะความที่หน่วงในอารมณ์นั้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมครับ
1. ที่จัดความชัดเจนของอารมณ์เป็น อติปริตตารมณ์ ปริตตารมณ์ มหันตารมณ์ อติมหันตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่รู้ทางปัญจทวารเท่านั้นใช่มั๊ยครับ ถ้าเช่นนั้นที่เป็นไปได้คือ โคจรรูป ๗ เท่านั้นใช่หรือไม่ครับ
2. ที่จัดความชัดเจนของอารมณ์เป็น อวิภูตารมณ์ กับ วิภูตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่รู้ทางมโนทวารเท่านั้นใช่มั๊ยครับ -- อวิภูตารมณ์ ชัดเจนน้อย เกิดกับมโนทวารที่เป็นชวนวาระ แสดงว่า รวมถึงทุกอย่างที่รู้ได้ทางมโนทวารที่เป็นกามชวน คือ กามาวจรจิต ๕๔ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ และบัญญัติ ใช่หรือไม่ครับ
-- วิภูตารมณ์ ชัดเจนมาก เกิดกับมโนทวารที่เป็นตทาลัมพนวาระ ไม่ทราบว่าครอบคลุมสภาพธรรมอะไรบ้างครับที่เป็นวิภูตารมณ์ได้
3. ในรูปพรหม ตทาลัมพนจิตเกิดไม่ได้ เพราะรูปในพรหมโลกไม่มีรูปที่เป็น อติมหันตารมณ์ใช่หรือไม่ครับ
4. ในชีวิตประจำวันเราพอจะทราบได้หรือไม่ครับว่า วิถีจิตไหนเป็นตทาลัมพนวาระ วิถีไหนเป็นชวนวาระ ฯลฯ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ