พลิกชีวิต
สุภาษิตสูตรเป็นพระสูตรที่ว่าด้วยคำพูดที่กล่าวดีแล้ว ว่าด้วยวาจาเป็นสุภาษิต เหตุเกิดพระสูตรกล่าวถึงอัธยาศัยของพระผู้มีพระภาคมีปกติกล่าววาจาสุภาษิต พระสูตรทุกพระสูตรทรงแสดงถึงความจริงที่เป็นวาจาสัจจ์ คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น ทรงแสดงวาจาที่นำประโยชน์มาให้ ไม่ทำให้ตนเดือดร้อนก็คือวาจาสัจจ์ ก็คือ พระพุทธพจน์ทั้งหมด ซึ่งจะนำไปสู่ความจริงถึงที่สุด คือ มรรคสัจจะ พระองค์ทรงแสดงวาจาที่กล่าวนั้น กล่าวแต่คำดี ไม่กล่าวคำไม่ดี กล่าวคำที่เป็นธรรม ไม่กล่าวคำที่ไม่เป็นธรรม กล่าวคำอันเป็นที่รัก ไม่กล่าวคำอันไม่เป็นที่รัก กล่าวแต่คำสัตย์ ไม่กล่าวคำเหลาะแหละ การกล่าวคำที่เป็นธรรมนั้นเป็นยอดของวาจา ซึ่งพระอริยสาวกกล่าวธรรมที่เป็นพระพุทธพจน์ เป็นคำจริงที่ทำให้ถึงอริยสัจจธรรม วาจาสัจจ์ทั้งหลายที่เรากำลังศึกษาอยู่ขณะนี้ ฟังให้เข้าใจความจริงที่ทรงแสดงสิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏขณะนี้ อดทนที่จะฟังให้เข้าใจและน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกว่าจะถึงมรรคสัจจ์ ทั้งหมดก็มาจากวาจาสัจจ์ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทรงตรัสรู้ คำพูดของพระอัสสชิพลิกชีวิตของพระอุปติสสะ พลิกจากปุถุชนสู่ความเป็นพระโสดาบัน บางท่านไม่มีความศรัทธาในการฟังธรรม แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟังวาจาสัจจ์ก็ชื่นชมในพระสุภาษิต พลิกชีวิตจากไม่มีศรัทธาก็เกิดศรัทธาที่จะฟังพระธรรม เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมจะไม่ให้พลิกก็ไม่ได้ จิตดีอยู่แท้ๆ ได้ยินคำไม่ดี ใจก็เศร้าหมอง คบบัณทิตก็ได้ยินสิ่งที่มีประโยชน์ คบคนพาลก็ได้ยินสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ดังเช่น พระเจ้าอชาติศัตรูคบท่านพระเทวทัต ก็พลิกชีวิตท่านสู่ทางตกต่ำ
พลิกชีวิตก็ต้องค่อยๆ พลิก ค่อยๆ สะสมความเข้าใจ จะพลิกได้หรือไม่ได้อยู่ที่มีกำลังพอไหม นอนป่วยอยู่ มียารักษาโรค ค่อยๆ รักษา จนกว่าเมื่อมีปัจจัยพร้อม ก็พลิกจากปุถุชนสู่ความเป็นอริยบุคคลได้
ทุกคำที่ดีอยู่ในพระไตรปิฎก ทุกคำต้องเข้าใจ...ค่อยๆ พลิกชีวิต
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่คำว่า พลิกชีวิต ก็จะต้องเข้าใจว่า ชีวิต คือ จิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้น ในขณะนั้น ชื่อว่า ชีวิต
ซึ่ง ชีวิต คือ จิตแต่ละขณะของปุถุชนที่หนาด้วยกิเลส ก็มากไปด้วยชีวิตแต่ละขณะที่เต็มไปด้วยอกุศล อกุศลจิตที่เกิดเป็นส่วนมาก ดังนั้น การพลิกชีวิตก็มีด้วยกันทั้งสองส่วน คือ พลิกจากผู้ที่เคยเห็นผิด ไปสู่ความเห็นถูก และพลิกจากผู้ที่มีความเห็นถูก ที่ยังไม่มั่นคง ไปสู่ความเห็นผิด
ซึ่งเหตุให้พลิกชีวิต พลิกจิตให้เกิดตรงกันข้าม มีเหตุปัจจัย ด้วยกัน ๒ ส่วน คือ
๑. ปัจจัยภายนอก คือ มิตร
๒. ปัจจัยภายใน คือ การสะสมมาของแต่ละคน แต่ละจิตสะสมอะไรมา ซึ่งอาศัยมิตรที่ดี และมิตรไม่ดี ย่อมพลิกชีวิต พลิกจิตให้เป็นไปตรงกันข้าม ให้เสื่อมและเจริญได้
อาศัยปัจจัยภายนอก คือ มิตรที่ไม่ดี คือ คนพาล ที่มากด้วยการทำอกุศลกรรม และมีความเห็นผิด ย่อมชักชวนในหนทางที่ผิด แนะนำก็แนะนำในสิ่งที่ผิด ทำให้บุคคลที่ถูกแนะนำ ชักชวน พลิกชีวิตไปสู่ความเสื่อมมากขึ้น ไหลไปตามอำนาจของกิเลสที่ตนเองมีอยู่แล้ว เจริญพอกพูนมากขึ้น พลิกชีวิต พลิกจิตให้สะสมอกุศล สะสมความเห็นผิดมากขึ้นนั่นเอง ครับ
ดังเช่น บุตรเศรษฐีที่คบมิตรไม่ดี ไม่สนใจธรรม ทำให้เสื่อมจากประโยชน์ คือ ทรัพย์สมบัติ และ คุณธรรมประการต่างๆ ซึ่งข้อความแสดงว่า หากเขาบวชในปฐมวัย ย่อมได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ นี่แสดงว่า บุตรเศรษฐีมีการสะสมมาดี สะสมปัญญามา แต่อาศัยปัจจัยภายนอก ทำให้เสื่อมจากกุศลธรรม เจริญขึ้นในอกุศลธรรม
ส่วน อาศัยปัจจัยภายนอก คือ มิตรที่ดี ย่อมทำให้พลิกชีวิต จากที่เคยเห็นผิด กลับมาสู่ความเห็นถูก จากที่เต็มไปด้วยกิเลส ก็หมดกิเลสได้ เพราะอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นมิตรที่ดี ที่ประเสริฐสูงสุด พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมให้พระสาวกได้เปลี่ยนจากความเป็นปุถุชน สู่ความเป็นพระอริยบุคคล เปลี่ยนจากผู้ที่เห็นผิด ไปสู่ความเห็นถูก พลิกชีวิต จากที่จะต้องไปอบายภูมิ ก็ไม่ต้องเกิดในอบายภูมิต่อไป พลิกชีวิตจากที่จะต้องเกิดอีกร่ำไป ก็ไม่ต้องเกิดอีก เพราะพลิกชีวิตไปสู่ความเป็นพระอรหันต์ ด้วยพระธรรมที่พระพุทธะเจ้าทรงแสดงที่เป็นมิตรที่ดี
ส่วน อาศัยปัจจัยภายใน ทำให้พลิกชีวิต ก็ด้วยว่า มีปัจจัยภายนอกคือ มิตรที่ดี ที่เป็นกัลยาณมิตร ที่ให้ความเข้าใจถูก และ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดี ทำให้ผู้ที่เคยสะสมปัญญา สะสมความเห็นถูกมา เมื่อได้ฟังพระธรรมก็ทำให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล เปลี่ยนจากความไม่รู้ เป็นรู้ขึ้น เพราะอาศัยการสะสมมาดีด้วย ที่เป็นปัจจัยภายใน ครับ
ส่วนอาศัยปัจจัยภายในที่สะสมมาไม่ดี ก็พลิกชีวิตได้เช่นกัน ขอยกตัวอย่างนางมาคัณทิยา ซึ่งเป็นบุตรสาวของพราหมณ์สามีภรรยา พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้กับพราหมณ์ สามีภรรยาฟัง ในเรื่องที่ท่านทั้งสองจะยกลูกสาวให้ แต่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ และได้ติเตียนถึงความน่ารังเกียจของร่ายกายมนุษย์
พราหมณ์สามีภรรยาฟังอยู่ บรรลุเป็นพระอนาคามี พลิกชีวิตทันที จากเห็นผิดสู่ความเห็นถูก พลิกชีวิตจากปุถุชน สู่ผู้ประเสริฐ คือ ความเป็นพระอริยบุคคล แต่พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ก็พลิกชีวิตกับอีกคนที่ฟังด้วยกัน คือ นางมาคัณทิยา ที่คิดผิดว่า พระพุทธเจ้ากำลังว่าตน เกิดความเห็นผิด อาฆาตพระพุทธเจ้า และท้ายสุด ก็ไปทำบาป ฆ่าพระอริยเจ้า จนตนเองถูกฆ่าตายทั้งเป็น และต้องตกนรก นี่เพราะเหตุว่า แม้จะได้มิตรที่ดี ได้ฟังสิ่งที่ดี แต่การสะสมมาไม่ดี ทำให้พลิกชีวิตของบุคคลนั้นให้ไปทางเสื่อม ทางอกุศล ครับ
การพลิกชีวิต จึงเป็นเรื่องละเอียด ลึกซึ้ง เพราะชีวิตเป็นเรื่องของนามธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่จะต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง จึงจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ไม่มีใครรู้ว่า ชีวิต จะพลิกไปอย่างไร เมื่อไหร่ ในอนาคต แต่สำคัญที่ปัจจุบัน ก็สะสมเหตุที่ดี สิ่งที่ดีต่อไป ชีวิตก็ค่อยๆ สะสมสิ่งที่ดีๆ ค่อยๆ พลิกไปทีละน้อย จนถึงการพลิกชีวิต ที่จะดับกิเลสได้หมดสิ้น ไม่ต้องมีการพลิกชีวิตอีก เพราะไม่มีชีวิตให้พลิก คือ จิต เจตสิก และสภาพธรรมอะไรเกิดขึ้นเลย ครับ
ขออนุโมทนาพี่เมตตา ที่นำธรรมดีๆ มาให้พิจารณา
เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา บ่อยๆ ครับ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเตือนที่ดี แม้จะยังเต็มไปด้วยกิเลสประการต่างๆ มากมาย ก็ค่อยๆ ขัดเกลา ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่ดีงามทั้งหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้เข้าใจ และ น้อมประพฤติตามด้วยความจริงใจ อย่างแท้จริง รวมถึงการพูดด้วย เพราะปกติก็พูดอยู่เป็นประจำ พระธรรมจะเกื้อกูลว่า สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด ตนเองไม่ชอบคำที่ไม่น่าฟังอย่างไร ก็ไม่ควรกล่าวคำเช่นนั้นออกไป ควรกล่าวเฉพาะคำจริง มีประโยชน์ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน เท่านั้น ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
คำพูดของพระพุทธเจ้า ทำให้ผู้ที่เป็นปุถุชนได้ฟังแล้ว บรรลุเป็นพระอริยบุคคล เช่น พระองคุลิมาล ที่ฆ่าคนมากมาย ได้พบพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม ก็งดเว้นจากบาป และ ได้บรรลุธรรม ค่ะ
พลิกชีวิต...เพราะการปรุงแต่งของสังขารขันธ์ ซึ่งมีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี ไม่มีเราหรือใครมาพลิกให้ได้ค่ะ