พระนิพพานกับจิต

 
เจริญในธรรม
วันที่  16 มี.ค. 2556
หมายเลข  22633
อ่าน  3,582

ผมยังไม่ค่อยกระจ่างหลังไปดูในหลายกระทู้เกี่ยวกับพระนิพพาน

๑. นิพพานเป็นสภาวะ แสดงว่าจิตยังคงอยู่ ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่อย่างไร

๒. หากผู้ที่ต้องการนิพพาน โดยแท้แล้ว จิตไม่มีการเกิดอีกเลยหลังนิพพาน เช่นนี้แล้วผมรอตอนที่โลกถูกเผาด้วยไฟบรรลัยกัน ตอนยุคโลกถูกเผาด้วยพระอาทิตย์๗ดวงไม่ดีกว่าเหรอ พบในพระไตรปิฎกกล่าวว่า จิตทั้งหลายแตกดับหมดตั้งแต่แดนนรกถึงชั้นพรหมชั้นที่๓

๓. บางที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าลงมาโปรดมนุษย์ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าพระพุทธองค์เข้านิพพานไปแล้ว ซึ่งท่านผู้รู้นี้ก็บอกว่าพระพุทธองค์เข้านิพพานตามที่เราเข้าใจ แต่ท่านก็สามารถลงมาโปรดเพราะด้วยพรหมวิหาร ๔ ถึงแม้จะนิพพานไปแล้ว ซึ่งจริงๆ ผมเข้าใจว่าจิตไม่มีอยู่เลย จิตเจตสิกไม่มีในนิพพาน ก็ยังมีคนกล่าวว่ามีแดนนิพพาน เราก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะ แล้วมาว่าเราไม่รู้จริงและเข้าใจผิด

๔. มีใครบ้างที่เข้านิพพานแล้วยังมาช่วยโลกด้วยสภาวะต่างๆ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด รบกวนทุกท่่านไขความกระจ่างด้วยนะครับขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. นิพพานเป็นสภาวะ แสดงว่าจิตยังคงอยู่ ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่อย่างไร

- นิพพานเป็นสภาวธรรมที่มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่ปราศจากปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีการเกิดขึ้นและดับไป จึงไม่มีสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ในนิพพาน คือ ไม่มี จิต เจตสิกและรูป เลยครับ

๒. หากผู้ที่ต้องการนิพพาน โดยแท้แล้วจิตไม่มีการเกิดอีกเลยหลังนิพพาน เช่นนี้แล้ว ผมรอตอนที่โลกถูกเผาด้วยไฟบรรลัยกัน ตอนยุคโลกถูกเผาด้วยพระอาทิตย์ ๗ ดวงไม่ดีกว่าเหรอ พบในพระไตรปิฎกกล่าวว่าจิตทั้งหลายแตกดับหมดตั้งแต่แดนนรกถึงชั้นพรหมชั้นที่

- ผู้ที่ไม่เกิดอีก คือ พระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพาน จะไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูปอีกเลย ส่วน ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องเกิด ขึ้นอยู่กับว่า จะไปเกิดในภพภูมิใดเท่านั้น ซึ่ง ในช่วงที่กัปทำลาย การทำลายก็ทำลายเพียงแต่รูปเท่านั้น ไฟหรือสิ่งใดไม่สามารถทำลายสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมที่เป็นจิตเจตสิกได้ เพราะ เมื่อยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องเกิด จิต เจตสิก เพียงแต่ว่า ในสมัยนั้น ช่วงที่กัปทำลาย โดยมาก สัตว์โลกก็เกิดในพรหมภูมิ ที่ ไฟทำลายไม่ถึง หรือ เมื่อสัตว์นรกถูกทำลาย หรือ สัตว์โลกถูกทำลาย ก็เกิดตาย บ่อยๆ ในขณะนั้น แต่ ไม่ได้สูญหายไปไหน ครับ ก็มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูปอยู่ดี ตราบใดที่ยังมีกิเลส ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดในภพภูมิใดเท่านั้น ครับ

๓. บางที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าลงมาโปรดมนุษย์ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าพระพุทธองค์เข้านิพพานไปแล้ว ซึ่งท่านผู้รู้นี้ก็บอกว่าพระพุทธองค์เข้านิพพานตามที่เราเข้าใจแต่ท่านก็สามารถลงมาโปรดเพราะด้วยพรหมวิหาร ถึงแม้จะนิพพานไปแล้ว ซึ่งจริงๆ ผมเข้าใจว่าจิตไม่มีอยู่เลย จิตเจตสิกไม่มีในนิพพาน ก็ยังมีคนกล่าวว่ามีแดนนิพพาน เราก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะ แล้วมาว่าเราไม่รู้จริงและเข้าใจผิด

-เพราะอาศัยความไม่รู้ และ ความเข้าใจผิด ทำให้สำคัญนิพพานว่าเป็นอย่างอื่นไป แท้ที่จริง เมื่อดับกิเลสหมดสิ้น จุติของพระอรหันต์เกิด มี การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เป็นต้น ย่อมไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมใดๆ อีก เมื่อไม่มีการเกิด ก็ไม่มีการที่จะมีพระพุทธเจ้ามาโปรดได้ ซึ่ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้กับพระอานนท์แล้วว่า กาลเวลาเมื่อเราปรินิพพานไป ธรรมที่เราแสดงไว้ดีแล้ว จะเป็นศาสดาแทนพระองค์ ครับ

๔. มีใครบ้างที่เข้านิพพานแล้วยังมาช่วยโลกด้วยสภาวะต่างๆ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด

- ตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว หากได้ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างถูกต้อง ย่อมจะเข้าใจถูกว่า นิพพาน คือ อย่างไร และ หนทางที่จะพ้นทุกข์จริงๆ คือ ไม่มีสภาพธรรมที่จะทำให้ทุกข์ คือ ไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูป เพราะพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงนั้น และ ดับกิเลสหมดสิ้น ปรินิพพานที่กุสินารา ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมอะไรอีก สมดังที่ ท่านพระสารีบุตรทูลลาปรินิพพาน ได้กล่าวไว้ไพเราะว่า ต่อจากนี้ จะไม่มีการได้เห็น ไม่มีการประชุมกันอีก สมาคมได้ถึงการหมดสิ้นแล้ว แสดงได้ชัดเจนว่า เมื่อปรินิพพานแล้ว ย่อมไม่มีการเกิดของสิ่งใดทั้งสิ้น ครับ

จึงไม่มีใครที่จะนิพพานแล้ว จะมาช่วยโลกได้อีก นอกเสียจากผู้ที่ยังไม่ได้ปรินิพพานก็จะกลับมายังโลก คือ โลกทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ และ ไม่พ้นจากโลก และ ไม่สามารถช่วยโลกได้ เพราะ ตนเองก็ยังไม่รู้จักโลก และ ไม่พ้นจากโลก ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 16 มี.ค. 2556

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 16 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระนิพพาน ไม่ใช่จิต แต่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ เป็นธรรมที่ตรงกันข้ามกับสภาพธรรมที่เกิดดับอย่างสิ้นเชิง พระนิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่เมืองแก้ว แต่เป็นธรรมที่มีจริง ผู้ที่ประจักษ์แจ้งได้ ต้องเป็นพระอริยบุคคลเท่านั้น

จะต้องมีความเข้าใจว่า พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ผู้ที่ประจักษ์แจ้งได้ต้องเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้น สูงสุด คือ พระอรหันต์ พระอรหันต์เป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น เมื่อปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก เพราะดับเหตุที่ทำให้มีการเกิดได้แล้ว คือ ดับกิเลสได้หมดสิ้น ซึ่งจะต่างกันกับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง ซึ่งผู้ที่ยังมีกิเลสยังต้องเกิด ความเป็นจริงของธรรมเป็นอย่างนี้ ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ไม่มีจิตเจตสิกและรูปเกิดขึ้นอีกเลย ที่มีการบอกว่า เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดมนุษย์ นั่นคือไม่เป็นความจริง ไม่ตรงตามความเป็นจริง ที่ควรจะได้พิจารณา คือ ควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นศาสดาแทนพระองค์ เป็นพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ไม่มีส่วนที่จะต้องตัดออก ไม่มีส่วนที่จะต้องเพิ่มเข้าไปซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา อย่างแท้จริง เพราะทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาความไม่รู้โดยตลอด เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะไม่หวั่นไหวหรือคล้อยตามไปกับคำพูดที่ไม่เป็นความจริงซึ่งไม่ตรงตามความเป็นจริงของธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 16 มี.ค. 2556

นิพพานแล้วไม่มีทางกลับมาสอนได้หรอก มันทวนกระแส เพราะไม่เกิดอีก ไม่งั้นก็ไม่ชื่อว่าดับกิเลส ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 17 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 19 มี.ค. 2556

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่างครับ

ขอถามอีก ๓ ข้อนะครับ

๑. อย่างนี้แล้วแสดงว่าสสารมีการสูญหายสูญสลายสิครับ แสดงว่าหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ไอสไตน์ค้นคิดว่าสสารไม่มีการสูญสลายไปไหนเพียงแต่เปลี่ยนรูปเท่านั้นก็ไม่เป็นความจริง?

๒. ถ้าบอกว่านิพพานแล้วไม่เกิดอีก และแดนนิพพานไม่มีแล้ว สัตว์ที่วนเวียนใน ๓๑ ภพภูมิต้นกำเนิดมาจากที่ไหนกัน? ผมเคยได้ยินมาว่ามนุษย์ยุคแรกมาจากพรหม มากินม้วนดิน แล้วก็สงสัยอีกว่าก่อนจะมาเป็นพรหมมาจากไหนกัน?

๓. ถ้าบอกว่านิพพานแล้วไม่เกิดอีกจะน่ายินดี? หรือน่าวังเวง? กันแน่ (อันนี้ผมคิดเองเหมือนเราอยู่คนเดียว ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดเหมือนกันว่าเกิดมาได้อย่างไร. และก็ไม่อยากตาย อยากอมตะตลอดกาล และก็คิดอีกว่าตายแล้วจะเหลืออะไร) เพราะจะไม่มาเกิดอีกแล้วในทุกๆ ที่ แล้วจิตเราจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเคลื่อนไปไหน? หลังกายแตกดับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 20 มี.ค. 2556

เรียนความเห็นที่8 ครับ

๑. อย่างนี้แล้วแสดงว่าสสารมีการสูญหายสูญสลายสิครับ แสดงว่าหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ไอสไตน์ค้นคิดว่าสสารไม่มีการสูญสลายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนรูปเท่านั้นก็ไม่เป็นความจริง?

- ก็เพราะสัตว์โลกไม่ได้ประจักษ์สภาพธรรมที่มีจริงแต่ละขณะ จึงสำคัญว่ายังมีสภาพธรมนั้นอยู่ ทั้งๆ ที่ดับไปหมดแล้ว แท้ที่จริง เมื่อสภาพธรรมนั้นดับไป ก็ไม่เหลือเลย ตามสัจจะความจริง ครับ

๒. ถ้าบอกว่านิพพานแล้วไม่เกิดอีก และแดนนิพพานไม่มีแล้ว สัตว์ที่วนเวียนใน ๓๑ ภพภูมิต้นกำเนิดมาจากที่ไหนกัน? ผมเคยได้ยินมาว่ามนุษย์ยุคแรกมาจากพรหม มากินม้วนดิน แล้วก็สงสัยอีกว่าก่อนจะมาเป็นพรหมมาจากไหนกัน?

- ก่อนหน้านั้น ก็เปลี่ยนภพภูมิ ไปเรื่อยๆ เป็นภพภูมินั้น ภพภูมินี้ ตามกรรมที่นำเกิด

๓. ถ้าบอกว่านิพพานแล้วไม่เกิดอีก จะน่ายินดี? หรือน่าวังเวง? กันแน่ (อันนี้ผมคิดเองเหมือนเราอยู่คนเดียว ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดเหมือนกันว่าเกิดมาได้อย่างไร. และก็ไม่อยากตาย อยากอมตะตลอดกาล และก็คิดอีกว่าตายแล้วจะเหลืออะไร) เพราะจะไม่มาเกิดอีกแล้วในทุกๆ ที่แล้วจิตเราจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเคลื่อนไปไหน? หลังกายแตกดับ

- เมื่อปรินิพพาน เพราะดับกิแลสหมดสิ้น ไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูป เมื่อไม่มีจิต ก็ไม่มีการรู้อะไรทั้งสิ้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 17 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ