การเข้าถึงรัตนตรัยที่เเท้จริงจะเป็นอย่างไรครับ

 
ขอฟังธรรม
วันที่  25 มี.ค. 2556
หมายเลข  22678
อ่าน  15,893

อยากทราบว่าอาการของผู้ที่เข้าถึงรัตนตรัยต่างจากผู้ไม่เข้าถึงรัตนตรัย อย่างไรครับ และมีอะไรเป็นข้อชี้วัดหรือไม่ครับ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบคำถาม ด้วยครับ จะได้กระจ่าง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ เจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เพียงท่องหรือพูดตาม เท่านั้นว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง โดยที่ไม่มีความเข้าใจพระธรรมเลย

ซึ่งเครื่องชี้วัด ในการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ความเข้าใจพระธรรมที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดง เพราะ ความเห็นถูก ปัญญาที่เกิดขึ้น ย่อมจะเข้าใจและละกิเลส และ มีที่พึ่ง คือ ได้อาศัยพระพุทธะเจ้าเป็นที่พึ่งจริงๆ และ อาศัยพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง พึ่งเพื่อให้เกิดปัญญา ความเข้าใจของตนเอง เป็นสำคัญ

และ จากคำถามที่ว่า คามแตกต่างระหว่างผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง กับ ไม่มี คือ อย่างไร

ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในสมัยพุทธกาล โดยมากแล้ว เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงขอถึงพระรัตนรัยเป็นที่พึ่ง คือ มีความเข้าใจพระธรรม เกิดปัญญา จึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่จะศึกษา อบรมปัญญาต่อไป โดยที่ไม่อาศัยพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพื่อเหตุอื่น มีการได้รับสิ่งที่ดี เป็นต้น

ส่วนผู้ที่ไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรมผิด ไม่ถูกต้อง แม้จะกล่าวอยู่ แต่กล่าวในสิ่งที่ไม่รู้ เพราะ เมื่อไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่เห็นพระพุทธเจ้า คือ เห็นด้วยปัญญา ก็ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งผิดๆ ด้วยการ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดี เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริง ก็คือ อาศัยพระรัตนตรัยและศึกษาพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้นจะเป็นที่พึ่งกับตนเองอย่างแท้จริง การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงขาดความเข้าใจพระธรรมไม่ได้เลย ครับ

ดังนั้น ที่พึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจากกิเลส จากอกุศลกรรม คือ ความดีประการต่างๆ เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ ประการต่างๆ และพ้นจากความทุกข์ใจชั่วขณะนั้น และพ้นจากการเกิดในอบาย ตราบเท่าที่กรรมดีให้ผล แต่ความดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตราบใดที่ไม่ใช่ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นธรรมที่ละกิเลส ละภัยประการต่างๆ ได้อย่างแท้จริง เพราะ สามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่มีการเกิดอีก ก็ไม่ต้องได้รับทุกข์ภัย และไม่ต้องแสวงหาที่พึ่งอีก เพราะพ้นภัยประการทั้งปวงแล้ว

ซึ่งปัญญาจะมีได้อย่างไร หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งพระธรรมที่ถูกต้อง มีได้เพราะอาศัยการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และผู้ที่รู้ตามมี คือ พระอริยสาวกทั้งหลาย ดังนั้นการจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็เพราะมีปัญญา ความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่อาศัย พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้วมาช่วย แต่เพราะอาศัยความเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ย่อมศึกษาพระธรรม เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง ขณะนั้นได้ที่พึ่งคือปัญญา แล้ว พ้นจากอกุศลชั่วขณะที่เป็นภัย และเมื่ออบรมปัญญาด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมทำให้ละ บรรเทา ที่จะไม่ทำอกุศลกรรม อันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน และ เป็นภัยที่ประสบพบกันอยู่ เพราะความทุกข์กาย ความเดือดร้อนประการต่างๆ จะมีไม่ได้เลย หากไม่ได้ทำอกุศลกรรมไว้

เพราะฉะนั้น การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งพราะ ขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะแม้พระพุทธเจ้า จะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัยการระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่งให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากกิเลส และเพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมสามารถทำให้ดับกิเลส พ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และเพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตน ขณะนั้นก็พ้นจากภัย คือ อกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ

พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลกผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เงินทองพ้นจากทุกข์ไดชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระธรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐเท่ากับพระรัตนตรัย แต่จะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะรู้คุณค่าของพระรัตนตรัยได้ ดังนั้น ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงเป็นผู้ที่เห็นคุณประโยชน์ของพระธรรม ไม่ละเลยโอกาสแห่งการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีความจริงใจที่จะน้อมประพฤติตามพระธรรม ซึ่งจะตรงกันข้ามกับผู้ที่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไปพึ่งอย่างอื่นที่ไม่ได้ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น ซึ่งเป็นที่พึ่งไม่ได้เลย มีแต่จะทำให้ความไม่รู้และกิเลสประการต่างๆ พอกพูนยิ่งขึ้น ความประพฤติเป็นไปในชีวิตประจำวันก็คล้อยไปตามความเห็นที่ไม่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

ควรที่จะได้เข้าใจว่า พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เพียงท่องหรือพูดตามเท่านั้น ว่า ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง โดยที่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม เลย

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวน มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา แห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรม หมดจากจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลส เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้

ดังนั้น การมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง คือ การพึ่งพระปัญญาที่ทรงตรัสรู้ ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ถ้าหากไม่มีพระธรรมที่ทรงตรัสรู้ ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้ เพราะฉะนั้น การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรม ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ โดยไม่ไปฟังคนอื่นที่มีความเห็นผิดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงแสดงให้เห็นว่าการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ต้องเริ่มจากการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง นั่นเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 25 มี.ค. 2556

การเข้าถึงพระรัตนตรัยที่แท้จริง คือ การน้อมประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 26 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 26 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ