โลกุตตรธรรม
โลกุตตรธรรม หมายถึง การพ้นจากโลก โลกในที่นี้มิได้หมายถึง World แต่หมายถึง โลกที่จิตสัมผัสทางตา โลกที่จิตสัมผัสทางหู โลกที่จิตสัมผัสทางจมูก โลกที่จิตสัมผัสทางลิ้น โลกที่จิตสัมผัสทางกาย โลกที่จิตสัมผัสทางใจ เพราะฉะนั้น พระอริยบุคคล ที่บรรลุโลกุตตรธรรม ก็คือ ผู้ที่ไม่ยึดติดต่อสิ่งที่สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างสิ้นเชิง สำหรับผู้ที่อยากพ้น (ทุกข์แบบรีบร้อน) โลก ก็ใช้วิธีบังคับตนเองไม่ให้สนใจสิ่งที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัส โดยการเพ่งสิ่งต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถบรรลุโลกุตร-ธรรมได้ และเกิดทุกข์เพิ่มขึ้น การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการพิจารณาสภาพความเป็นจริงของ จิต เจตสิกรูป ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป จนเกิดปัญญา และไม่ยึดติดต่อสิ่งนี้อีก ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่
โลกุตรธรรม หมายถึง ธรรมที่เหนือโลก หรือ ธรรมที่พ้นจากโลก มี ๙ ประเภทได้แก่ มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ นิพพาน ๑ ข้อปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงโลกุตรธรรมหรือปฏิบัติสมควรแก่โลกุตรธรรม คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ มีสติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น ผู้ที่เข้าถึงโลกุตรธรรม คือ พระอริยบุคคลมีพระโสดาบันบุคคล เป็นต้น พระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือ พระอรหันต์เท่านั้น ที่ไม่ยึดติดในอารมณ์ทั้ง ๖ มีตา เป็นต้น พระอริยที่เหลือยังมีโลภะ ย่อมติดในอารมณ์ทั้ง ๖ เป็นธรรมดา
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)