การครอบครู

 
นิรมิต
วันที่  1 เม.ย. 2556
หมายเลข  22716
อ่าน  30,671

กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน

มีความสงสัยขอกราบเรียนถามดังนี้ครับ อะไรคือ การครอบครู ตามความเชื่อของบุคคลในยุคนี้ครับ หรือการสักยันต์ลงอาคม ครอบครูต่างๆ ซึ่งเมื่อไม่กระทำตามกฏข้อกำหนดของความเชื่อนั้นๆ ก็จะให้โทษได้ เช่นปวดร่างกาย เป็นบ้า ร้องเสียงเป็นสัตว์ ต่างๆ ซึ่งคนรู้จักของผมเป็นบุคคลที่อ้างว่า เขาครอบครู และเมื่อมีคนมาเล่นของสูง มีศีรษะ เป็นต้น ของตนก็จะเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดเนื้อปวดตัว ร้อนผ่าวๆ และก็เป็นอย่างนั้น จริงๆ ไม่ทราบว่า เพราะเหตุใด มีปัจจัยอะไรอื่นอีกไหมที่กระทำให้เป็นอย่างนั้นได้ หรืออย่างที่ผิดครู แล้วก็เป็นบ้า หรือกระทำอะไรต่างๆ ที่ผิดปรกติ ซึ่งก็มีบุคคลที่เป็น อย่างนั้นได้จริงๆ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดครับ แล้วไม่ทราบว่าในพุทธกาล มีตัว อย่างคล้ายๆ อย่างนี้ปรากฏบ้างหรือไม่ แล้วพระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุของความเป็น ไปอย่างนั้นว่าอย่างไรครับ

ไม่ทราบว่าถ้าจะอนุโลมอธิบายโดยการเดาๆ อย่างนี้ว่า อาศัยเทวดา อย่างเทวดาชั้น จาตุมหาราชิกา ที่อยู่ใกล้มนุษย์ เป็นผู้ที่มีกิเลสครอบงำแล้ว ก็กระทำให้เป็นไปอย่างนั้น ด้วยฤทธิ์ เพราะอาศัยไม่ชอบ ในบุคคลนั้น หรือเพราะอาศัยที่บุคคลนั้น อาจจะมีการกระ ทำที่สมมติว่าเป็นการครอบครู แล้วอาศัยปฏิญาณตนจะเคารพในเทวดานั้นๆ แล้วพอไม่ เคารพเข้าวันหนึ่ง เทวดาด้วยอาศัยกิเลสคืออยากจะให้เขายังศรัทธาในตน จึงบันดาล ความเป็นไปอย่างนั้นๆ จะพอเป็นไปได้ไหม ในกรณีดังกล่าวข้างต้น หรืออีกนัยนึงก็คือ อาศัยอกุศลวิบากของตนเอง หรือ อาศัยความเชื่ออย่างนั้นๆ และ อาศัยกิเลสของตนเอง ก็ทำให้เกิดความน้อมไปเป็นไป ที่จะแสดงอาการอย่างนั้นๆ เพราะอกุศลความเห็นผิดของตนเองนั้นแหละ หลอกตน ว่าเป็นอย่างนั้นๆ หรือก็ คือ การคิดไปเองที่มีกำลังจนปิดบังความจริง

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การครอบครู ตามความเชื่อกัน คือ การที่ยอมรับตัวเป็นศิษย์ประการหนึ่ง ใน วิชาการของ ศาสตร์นั้น เช่น นาฏศิลป์ เป็นต้น และอีกนัยหนึ่ง ที่เข้าใจว่า การ ครอบครู คือ จะช่วยให้สิ่งที่ครอบ จะทำให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง พบ แต่สิ่งที่ดี เป็นสิริมงคล เป็นต้น

ซึ่งในความเป็นจริง ไม่เปลี่ยนเลย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใด ก็ไม่พ้นจากการ เกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูป การที่จะได้รับความเจ็บปวดที่หัว ปวดหัว เป็นต้น ก็ ต้องเป็นทุกขกายวิญญาณอกุศลวิบาก คือ ทุกข์ทางกาย ที่จะต้องเกิดจาอกุศล กรรมที่ได้ทำมาเท่านั้น แต่เพราะ อาศัยเหตุการณ์ที่ใกล้กัน และมีการคิดนึกเอง ก็สำคัญว่า ไปครอบครู และมาเล่นที่หัวก็เลยปวดหัว ทั้งๆ ที่ คนที่ไม่ได้ครอบครู ไม่ได้เล่นหัว ก็ปวดหัวเป็นประจำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุคือ อกุศลกรรม ในอดีตให้ผล เป็นปัจจัยครับ ซึ่งในสมัยพุทธกาล ไม่ได้มีตัวอย่าง เหล่านี้เลย เพราะขัดกับหลักกรรมและผลของกรรม มีแต่แสดงถึงตัวอย่างให้ สัตว์โลกเห็นชัด ที่คนอื่นเข้าใจผิด ในเรื่องกรรมแลผลของกรรม เช่น มีผู้หญิง คนหนึ่ง ถูกถอดยศ เห็นฤาษีอยู่ จึงถ่มน้ำลายรดที่หัวของฤาษีที่มีคุณธรรม และ เพียงไม่นานหลังจากนั้น ก็ได้รับการแต่งตั้งได้ยศกลับมา ตนเองก็สำคัญว่าเพราะ ถ่มทน้ำลาย จึงได้รับเหตุที่ดี เพราะ ใครถูกถอดยศ ก็มาถามนางคนนี้ นางคนนี้ก็ บอกเหตุ ก็ถ่มน้ำลายกันใหญ่ และ ก็ได้รับตามที่ต้องการด้วย หากไม่ละเอียดก็ จะเข้าใจว่า เพราะ เหตุใกล้ คือ การถ่มน้ำลาย แท้ที่จริง คือ กรรมของตนเองที่ เป็นกรรมที่ดีให้ผล จนท้ายสุด เทวดาโกรธ ที่ทำร้ายฤาษีผู้มีคุณธรรม จึงบันดาล ฝนทั้ง 9 ทำลายเมือง ผู้คนตายทั้งหมด ครับ

จากตัวอย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นถึง ความเข้าใจผิดของสัตว์โลกที่มองเหตุการณ์ ใกล้ และ คิดเองเองว่า การได้รับสิ่งที่ดี ไม่ดี เพราะ เหตุเหล่านี้ แท้ที่จริง จะต้อง เกิดจากเหตุ คือ กรรมที่ได้ทำมา ที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม โดยนัยเดียวกัน การครอบครู ก็สำคัญว้า จะทำให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และ ใครมาเล่น ศีรษะก็ปวดหัว แท้ที่จริงก็เกิดจาก กรรมที่ได้ทำมาทั้งนั้น ปวดหัวก็เพราอกุศลกรรม ให้ผล การได้นับสิ่งที่ดี ที่เรียกว่า เป็นสิริมงคล ก็ไม่พ้นจากการเห็น การได้ยินที่ดี ก็เป็นกุศลกรรมให้ผล ไม่เกี่ยวกับการครอบครูใดๆ ทั้งสิ้น ครับ

ส่วนการผิดครู ทำให้เป็นบ้า ในความเป็นจริง การบ้า ก็ไม่พ้นจาก จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น เกิดอกุศลจิตที่เป็นโมหะ ที่มากไปด้วยอุทธทัจจะ ความฟุ้งซ่าน ดังนั้น การเป็นบ้า เกิดด้วยสองปัจจัย คือ อกุศลจิตของตนเอง ที่เดือดร้อนใจในขณะนั้น และ หมกมุ่นคิดในเรื่องที่ทำผิด ก็ทำให้เป็นบ้าได้ เพราะคิดบ่อยๆ เกิดอกุศลบ่อยๆ ต่อเนื่อง อกุศลที่เกิดบ่อย ก็ไม่มีสติเกิดร่วมด้วย ทำให้ขาดสติ เป็นบ้าได้ ครับ

อีกประการที่สำคัญที่สุด คือ เพราะ กรรมเป็นปัจจัย เศษกรรมที่ดื่มสุรา ย่อมเป็น ปัจจัยให้เป็นบ้า เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ หากไม่มีกรรมแล้ว จะเป็นบ้าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ก็เพราะอาศัยกิเสลสของตนเอง และ กรรม ย่อมทำให้ถึงควาเมป็นบ้า โดยไม่มีใคร เทวดา ที่จะทำให้เป็นบ้าได้ ครับ

ความมั่นคงในพระธรรมคำสอน ย่อมจะเกื้อกูลและเห็นเหตุการณืต่างๆ ตามความ เป็นจริง และตรงตามสัจจะ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ที่จะเกิดความคิดที่ดี กาย วาจา ที่ดี อันมีความเห็นถูกเป็นปัจจัย ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์จริงๆ เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไป ตามลำดับ ก็จะเข้าใจถูกตามความเป็นจริงของสภาพธรรม เพราะไม่ว่าจะกล่าวถึงความ ประพฤติเป็นไปของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม มีการสะสมมาแตกต่างกัน ความประพฤติเป็นไปจึงต่างกัน ความไม่รู้ และความเห็นผิด ย่อมทำให้มีการกระทำในสิ่งที่ผิด ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นไปตามเหตุตามผล ก็ไม่ พ้นไปจากธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่อีกเหมือนกัน และประการที่สำคัญ ไม่มีใครมี อำนาจบังคับบัญชาให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นเป็นไปตามใจชอบได้ เพราะธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ก็จะไม่หวั่นไหวหรือคล้อยตามความเห็นที่ ผิดที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง พร้อมยังสามารถที่จะคอยอธิบายชี้แจงให้ผู้อื่นมีความ เข้าใจถูกเห็นถูก ได้ด้วย

จากประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับครู นั้น ผู้ที่เป็นศิษย์ก็สามารถกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อตอบแทนคุณความดีของผู้ที่เป็นครูได้ แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการกระทำในสิ่งที่ผิด สิ่งสำคัญก็คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง เพราะความเข้าใจถูกเห็นถูกจะอุปการะเกื้อกูลให้มีการกระทำในสิ่งที่ ถูกต้อง ละเว้นในสิ่งที่ผิด ที่ไม่ถูกต้อง ได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ คนที่เป็นบ้า เพราะในอดีตผิดศีลข้อ 5 คือดื่มสุรา ทำให้ ล่วงอกุศลกรรมบถ เป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูิมิ วิบากอย่างเบาภายหลังกลับมาเกิดเป็น มนุษย์ก็เป็นบ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
นิรมิต
วันที่ 3 เม.ย. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
boonpoj
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ