เถียงพ่อแม่ เมื่อตายไปปากจะเท่ารูเข็ม
คำกล่าวที่ว่า เถียงพ่อแม่ เมื่อตายไปปากจะเท่ารูเข็ม เป็นจริงหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณ ผู้ที่เป็นบุตร ควรที่จะกระทำความดีตอบแทนพระคุณ สำหรับผู้มีพระคุณแล้ว หากทำความดีในบุคคลที่มีพระคุณมาก ผลของความดีที่ทำก็มีมาก ส่วนการทำความชั่วในผู้ที่มีพระคุณมาก ผลของความชั่วก็มากเช่นกัน ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง การเถียงบิดามารดา ก็ต้องเป็นผู้ละเอียดว่า หากพูดจาด้วยเหตุผลในการสนทนากับบิดามารดา ไม่ได้หมายถึงการเถียง การว่าร้ายด้วยอกุศลจิต ที่จะว่าร้ายบิดามารดา ไม่ใช่วาจาหยาบ ไม่ใช่วจีทุจริต ที่เป็นบาป ที่จะทำให้เกิดในนรก ไปอบายภูมิ เป็นต้น แต่หากว่า ขณะใดที่มีการสนทนากัน และมีการเถียงกันด้วยคำพูดไปมา อันเกิดจากอกุศลจิต ที่มีเจตนาด่าว่าบิดามารดาในขณะนั้น เป็นวจีทุจริตแล้ว เป็นวาจาที่ไม่สมควร เป็นวาจาหยาบ เมื่อกล่าวกับผู้มีพระคุณมาก โทษก็ย่อมมากตามไปด้วย เพราะกรรม คือ อกุศลกรรมสำเร็จแล้ว ที่เป็นวาจาหยาบ หากกรรมนั้นให้ผล ย่อมทำให้เกิดในอบายภูมิ ทั้งที่เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน และ เป็นเปรตก็ได้ ครับ
ซึ่งความวิจิตรของกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ว่าร้ายมารดาบิดาแล้วจะปากเท่ารูเข็ม เพราะกรรมที่ว่าร้ายบิดามารดา โดยมากเป็นกรรมที่หนักที่ไปเกิดในอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น และ ก็อาจเป็นปัจจัยให้เกิดในภพภูมิเปรตต่อได้ ซึ่งก็แล้วแต่ความละเอียด วิจิตรของกรรม ที่จะทำให้เกิดเป็นเปรตในลักษณะต่างๆ กันไป โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะจะต้องมีปากเท่ารูเข็มก็ได้ ครับ ซึ่งในสมัยพุทธกาล บิดามารดาของสามเณรผู้เป็นพระอรหันต์ ก็มาขอส่วนบุญ ซึ่งบิดามารดาของสามเณรเกิดเป็นเปรต มีปากเท่ารูเข็ม เพราะเหตุที่ไมได้ทำกุศลกรรมไว้ บาป อกุศลกรรมบางอย่างให้ผล ทำให้เกิดเป็นเปรต มีปากเท่ารูเข็มก็ได้ โดยไม่จำเป็นว่าจะเป็นจากการว่าบิดามารดา ครับ
[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 372
พระเถระชาวกุณฑินครรูปหนึ่ง อยู่ที่ขาสานุวาสี มีนามว่า โปฏฐปาทะ เป็นสมณะผู้มีอินทรีย์อันอบรมดีแล้ว มารดาบิดาและพี่ชายของท่านเกิดในยมโลก เสวยทุกขเวทนา ทำกรรมอันลามกจึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก เปรตเหล่านั้นถึงทุคคติ มีช่องปากเท่ารูเข็ม ลำบากยิ่งนัก เปลือยกาย ซูบผอม มีความเกรงกลัวสดุ้ง หวาดเสียวมาก
กรรมจึงเป็นเรื่องละเอียด วิจิตร ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องกรรม เรื่องภพภูมิ เปรต อบายภูมิต่างๆ เพื่อที่จะเห็นโทษของอกุศลกรรมว่ามีผลน่ากลัว ไม่ควรกระทำโดยประการทั้งปวง อันเป็นไปเพื่อที่จะเห็นโทษและละคลาย และวาจาที่ว่าร้ายไม่ว่าจะกล่าวกับใคร ก็ไม่สมควรทั้งสิ้น ควรกล่าวแต่วาจาที่นำมาซึ่งประโยชน์ มีเมตตา เป็นต้น ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องของอกุศล จะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว เพราะถ้าสะสมมากขึ้นๆ ก็จะเป็นเหตุให้ล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน เป็นการสร้างเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเอง ที่จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ไม่ดีในภายหน้าได้ ผลที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเกิดในอบายภูมิ หรือ ได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจในชีวิตประจำวัน ก็เป็นเพราะมาจากเหตุคืออกุศลกรรมที่ตนเองกระทำไว้แล้วเท่านั้น สำหรับในเรื่องของวาจาหรือคำพูดนั้น ก็แสดงถึงจิตใจในขณะนั้นได้ว่า พูดด้วยจิตอะไร? ด้วยจิตที่เป็นกุศล หรือ ด้วยจิตที่เป็นอกุศล ถ้าจิตใจสะอาด คำพูดก็สะอาด แต่ถ้าจิตใจไม่สะอาดแล้วคำพูดก็ไม่สะอาด วาจาย่อมคล้อยไปตามจิตจริงๆ
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเตือนที่ดี เพื่อความเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต เพราะถ้าปล่อยให้ชีวิตเป็นไปกับด้วยอกุศลมากขึ้นๆ แล้วจะขัดเกลาให้เบาลงได้อย่างไร แม้แต่ในเรื่องของการพูดคำ ถ้าจะพิจารณาจริงๆ แล้ว ตัวเราเองก็ไม่ชอบคำพูดอย่างไร ไม่ชอบให้มีคนอื่นกล่าวคำที่ไม่เหมาะสม คนอื่นเขาก็ต้องเป็นอย่างนั้น ควรเป็นผู้นึกถึงใจเขาใจเรา แล้วก็พูดเฉพาะคำพูดที่น่าฟัง เป็นประโยชน์ พูดด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา แทนที่จะเป็นไปกับด้วยอกุศลก็พูดดีๆ ได้ พูดด้วยเหตุด้วยผล มุ่งประโยชน์สำหรับผู้อื่น ขณะนั้นก็เป็นประโยชน์ทั้งของตนเองและของผู้อื่นด้วย ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเกื้อกูลชีวิตที่ดี นำทางชีวิตไปสู่ความดีทั้งปวง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...