เพลงที่ใช้ทำสมาธิ
เพลงที่ใช้ทำสมาธิ ผมเคยได้ยินเพลงหรือบทสวดต่างๆ ฟังแล้วสบายใจ จังหวะดี บางทีก็รู้ความหมายและไม่รู้ความหมาย บางคนก็เปิดฟังให้เกิดสมาธิ ความสงบ แต่โดยธรรมชาติ ไม่มีเพลงนี่นะ เราจึงไม่ควรอาศัยเสียงเหล่านี้มาทำให้เราสงบจนเคยชิน เพื่อคลายความเหงา ความรำคาญ เพราะเมื่อไม่มีเสียง ใจจะหาเครื่องทำให้สงบไม่ได้ แต่ต้องให้ความสงบเกิดจากความปกติ ความเข้าใจสภาวะ เข้าใจธรรมชาติ ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความสงบ คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก ความสงบที่ถูกต้อง และ ตรงตามความเป็นจริง คือ ความสงบจากกิเลส คือ เป็นกุศลจิตในขณะนั้น ที่ขณะที่ให้ทาน รักษาศีล อบรมปัญญา ขณะนั้นสงบจากกิเลสเป็นกุศลจิต ครับ เพราะฉะนั้น ความสงบที่เข้าใจผิดว่าสงบ ไม่ได้หมายถึงความไม่คิดอะไร ความไม่ขุ่นเคืองใจ ความตั้งมั่นอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหล่านี้ไม่ใช่เครื่องวัดที่แสดงว่าจิตสงบ เพราะการไม่คิดซัดส่ายเรื่องใด แต่อาจคิดในเสียงที่ได้ฟังเสียงเพลงด้วยโลภะ ความยินดีพอใจ โดยไม่รู้ตัว ซึ่งขณะที่ฟังเพลงที่คิดว่าทำให้เกิดสมาธิ เพลงที่สบายๆ ขณะนั้น เกิดโลภะพอใจในเพลงนั้นแล้ว เป็นโลภะ ซึ่งขณะที่เป็นโลภะไม่สงบเลย เพราะโลภะเป็นกิเลส กิเลสเป็นสภาพธรรมที่ไม่สงบขณะที่ติดข้อง ขณะนั้นไม่สงบ ครับ
การอบรมความสงบ คือ การอบรมกุศลจิตให้เพิ่มขึ้น ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งสามารถอบรมได้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องไปฟังเพลง แต่ฟังสิ่งที่ทำให้คิดถูก ทำให้เกิดปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจะทำให้คิดถูก ทำให้กุศลประการต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมากขึ้น มีเมตตามากขึ้น ขณะที่มีเมตตาขณะนั้นก็สงบแล้วแม้ไม่ได้ฟังเพลง เพราะสงบจากกิเลส ให้ทาน รักษาศีล ก็สงบจากกิเลสแล้ว เพราะเป็นกุศลจิต แต่การจะสงบที่แท้จริง คือ ไม่มีกิเลสในจิตใจอีกเลย ซึ่งพระพุทธเจ้าสงบจากกิเลสแท้จริง เพราะพระองค์ละกิเลสหมดสิ้นแล้ว และ อริยสาวกที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็สงบจากกิเลสแล้วจริงๆ เพราะดับกิเลสหมดแล้ว ดังนั้น ท่านเหล่านั้น อาศัยการฟังพระธรรม เจริญปัญญา จนในที่สุด ปัญญาทำหน้าที่ละกิเลสได้ในที่สุด ครับ
ซึ่งผู้ถามมีความเข้าใจถูกต้องแล้ว ในเรื่องการฟังเพลงไม่สามารถทำให้สงบได้ และ การสงบที่แท้จริงด้วยกุศลจิต ด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกด้วย ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่เข้าใจธรรม ไม่เข้าใจอะไรเลย สมาธิก็ไม่เข้าใจ ความสงบก็ไม่เข้าใจ ก็ย่อมจะมีการไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่เข้าใจ ด้วยความติดข้องต้องการ แสวงหาหนทางที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญา มีแต่เพิ่มพูนอกุศลให้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ก็จะต้องตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ และ ประการที่สำคัญ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดจนออกจากสังสารวัฏฏ์ แทนที่จะหาฟังสิ่งอื่น ก็ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกคำทุกพยัญชนะ เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกทั้งหมด ซึ่งเกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ขณะที่ฟังพระธรรมเข้าใจ ขณะนั้นก็สงบจากความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย แต่กิเลสก็มีมากมายเพราะสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้น จึงต้องอาศัยการสะสมกุศลและฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา จึงจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสอันเป็นเหตุแห่งความไม่สงบ ไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งจะขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลย แต่ถ้าไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความอยากจะสงบ ขณะนั้นย่อมไม่สงบ เพราะเป็นอกุศล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ในวินัยของพระอริยเจ้า เปรียบการร้องเพลงเหมือนการร้องเรียกหากาม การหัวเราะเหมือนเด็กทารก ฟ้อนรำ เต้นรำ เหมือนคนบ้า การฟังเพลงส่วนมากเป็นไปกับกิเลส คือ โลภะ ความยินดีติดข้อง ค่ะ
การหัวเราะเหมือนเด็กทารก แต่ก็ต้องหัวเราะบ้างเพื่อสุขภาพ คนส่วนใหญ่มักดูรายการต่างๆ รายการตลก เพื่อคลายเครียด แต่ตามความเข้าใจผมตอนนี้ผมว่า ไม่ใช่การคลายเครียดที่แท้จริง เพราะผมไม่เคยดูตลก เลยไม่มักไม่หัวเราะเวลาดู บางคนอาจมองว่าผมเครียดได้ แต่อาจเป็นเพราะผมอบรมจิต ค่อยรู้สภาวะต่างๆ มันได้ยินเลยปกติ บางทีผมก็หัวเราะขึ้นมากับเหตุการณ์ต่างๆ ตามธรรมชาติ เช่นความซุกซนของสัตว์ แต่ไม่ค่อยหัวเราะจากการดูตลก บ้านผมไม่มีทีวีส่วนตัวครับ ผมใช้ชีวิตผิดทางหรือป่าวครับ
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
หนทางการอบรมปัญญา ละกิเลส เป็นหนทางที่ละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งเหตุให้ละกิเลสได้ คือ สภาพธรรมที่เป็นปัญญา ซึ่งกิเลสที่จะต้องละ คือ ความเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล เพราะฉะนั้น การอบรมปัญญาที่ถูกต้องก็คือ ใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่ใช่การจะห้ามไม่ให้อกุศลเกิด โดยการไม่ดู ไม่เห็น ไม่ฟังอะไร เพราะแม้เพียงไม่เห็น ไม่ได้ยิน คิดนึก ก็เป็นอกุศลแล้วโดยไม่รู้ตัว หนทางที่ถูกต้อง คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และ ใช้ชีวิตเป็นปกติ อกุศลย่อมเกิดอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่หนทางที่ถูกต้อง คือ รู้อกุศลที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา