มรรคมีองค์ 8
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มรรค หมายถึง ทาง ซึ่ง มรรคที่เป็นทาง มีทั้งที่เป็นทางที่ถูก เรียกว่า สัมมามรรค และ ทางที่ผิด ที่เป็นมิจฉามรรค
ทางที่ถูก สัมมามรรค คือ ทางที่ทำให้หลุดพ้น ละกิเลสได้ อันเป็นทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ซึ่งสัมมามรรคทางที่ถูกนี้ ก็ไม่พ้นจากการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก เพราะฉะนั้น จิตที่ดีงาม ประกอบด้วยเจตสิกที่ดีงาม อันมีปัญญาเกิดร่วมด้วยที่เป็นปัญญาระดับสูง และเจตสิกที่ดีอื่นๆ เกิดร่วมด้วย เป็นสัมมามรรค ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงมรรคที่ทำให้ดับกิเลส ถึงความเป็นพระอริยบุคคล คือ อริยมรรค มีองค์ ๘ อันประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ซึ่งมรรค ๘ องค์นี้ เวลาที่จะเกิด ก็เกิดพร้อมกัน และเกิดในขณะที่เป็นมรรคจิต ถึงการดับกิเลสและผลจิตซึ่งมรรค ๘ ที่เกิดพร้อมกัน ไม่ใช่วิสัยของปุถุชนที่จะเกิดมรรคมีองค์ ๘ พร้อมกัน แต่เป็นวิสัยของพระอริยเจ้า คือผู้ที่ถึงความเป็นพระอริยเจ้า ย่อมเกิดมรรค ๘ หรือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ได้ ครับ
แต่กว่าจะถึงความเป็นพระอริยบุคคล และเกิดอริยมรรคมีองค์ ๘ พร้อมกัน ถึงการดับกิเลส เป็นต้น ก็จะต้องการอบรมเจริญปัญญาเบื้องต้นมาก่อนแล้ว ซึ่งก็สามารถอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใชเรา ซึ่งขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นก็มีองค์ของมรรคเกิดขึ้น ๕ หรือ ๖ องค์ก็ได้ แต่ไม่ถึง ๘ คือ เกิดปัญญา สัมมาทิฏฐิในขณะนั้น สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ หรืออาจเกิด สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา ๓ อย่างนี้ เกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมกับองค์ ๕ ตามที่กล่าวมาครับ เพราะฉะนั้น การอบรมปัญญาที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ก็เป็นการเจริญอบรมอริยมรรค เพียงแต่เกิดองค์ ๕ องค์ ๖ ที่สามารถเกิดได้ในวิสัยของปุถุชน
ที่สำคัญ ก็ค่อยๆ เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจทีละน้อย ปัญญาจะทำหน้าที่ปรุงแต่ง จนสติปัฏฐานเกิด และถึงอริยมรรคพร้อมองค์ ๘ ได้ ถึงความเป็นพระอริยบุคคล อันเริ่มจากความเข้าใจถูกเป็นเบื้องต้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องแปลคำว่ามรรคก่อน ว่า มรรค หมายถึง หนทาง ซึ่งมีทั้งทางถูกกับทางผิด ถ้าเป็นหนทางที่ถูกต้องเป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส จนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้น ก็เป็นหนทางที่ถูกต้อง (สัมมามรรค,อริยมรรค) เริ่มต้นด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) เป็นต้น แต่ถ้าเป็นหนทางที่ผิด ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา มีแต่จะทำให้อกุศลเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับหนทางที่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นมิจฉามรรค อันมีพื้นฐานมาจากความเห็นผิดและความไม่รู้
ดังนั้น ถ้าเป็นการกล่าวถึงมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ แล้ว ย่อมเป็นหนทางถูก เป็นหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อกำจัดกิเลส เป็นหนทางที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย กว่าจะถึงความเป็นพระอริยบุคคล ก็ต้องเป็นปุถุชน แต่เป็นปุถุชนที่สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของพระธรรม เห็นประโยชน์ของความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ซึ่งจะแตกต่างไปจากปุถุชนที่ไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรมอย่างสิ้นเชิง
การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น ต้องดำเนินตามหนทางที่ถูกต้อง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น ซึ่งก็ต้องเริ่มตั้งแต่ในขั้นของการอบรม ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ในขณะที่สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นมรรคมีองค์ ๕ กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นการอบรมมรรค อันเป็นโลกิยมรรค ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ เพราะมรรคทั้ง ๘ องค์จะประชุมพร้อมกันในขณะที่มรรคจิตผลจิตเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่เดินทางตามที่ถูกต้องแล้ว ก็ย่อมไม่มีวันถึงขณะที่มรรคจิตและผลจิตจะเกิดได้เลยครับ
ขอเชิญคลิกฟังและอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
ธรรมะที่เป็นหนทาง
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...