ไม่พลาดจากอบายภูมิแน่ถ้าทำอกุศลกรรม [กุรุงคมิคชาดก]
[เล่มที่ 55] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 279
๓. กุรุงควรรค
๑. กุรุงคมิคชาดก
ว่าด้วยกวางกุรุงคะ
[๒๑] ดูก่อนไม้ระริน การที่ท่านปล่อยผลให้ตกกลิ้งมานั้น เราเป็นกวางรู้แล้ว เราจะไปสู่ไม้มะรื่นต้นอื่น เพราะเราไม่ชอบใจผลของท่าน.
จบ กุรุงคมิคชาดกที่ ๑
๓. อรรถกถากุรุงควรรค
๑. อรรกถากุรุงคมิคชาดก
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวัน ทรงปรารภพระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ คำเริ่มต้นว่า ญาตเมตํ กุรุงฺคสฺส ดังนี้ ความพิศดารว่า สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในโรงธรรมสภา นั่งกล่าวโทษของพระเทวทัตว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตประกอบ นายขมังธนู เพื่อต้องการปลงพระชนม์พระตถาคต กลิ้งศิลา ปล่อยช้างธนปาลกะ ตะเกียกตะกายเพื่อจะปลงพระชนม์ของพระทศพล แม้ในกาลทั้งปวง พระศาสดาเสด็จมาแล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ตกแต่งไว้แล้ว ตรัสถามว่า ภิกษุ ทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องการกล่าว โทษของพระเทวทัตว่า พระเทวทัตตะเกียกตะกายเพื่อปลงพระชนม์ของพระองค์ พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตตะเกียกตะกายเพื่อจะฆ่าเรา ในบัดนี้ เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็ตะเกียกตะกายเหมือนกัน ก็แต่ว่าไม่ สามารถจะฆ่าเราได้ แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี เราเป็นกวางเคี้ยวกินผลาผลทั้งหลายในราวป่าแห่งหนึ่ง ในคราวหน้า กวางนั้นกิน ผลมะรื่นที่ต้น มะรื่นอันมีผลสะพรั่ง ลำดับนั้น มีพรานนั่งห้างชาวบ้านคนหนึ่ง พิจารณารอยเท้าเนื้อทั้งหลายแล้ว จึงผูกห้างบนต้นไม้ แล้วนั่งบนห้างนั้น เอาหอกแทงพวกเนื้อที่มากินผลไม้ แล้วขายเนื้อของเนื้อเหล่านั้นเลี้ยงชีวิต วันหนึ่ง พรานนั้น เห็นรอยเท้าของพระโพธิสัตว์ที่โคนต้นไม้นั้น จึงผูกห้างบนต้นมะรื่นนั้น แล้วบริโภคอาหารแต่เช้าตรู่ แล้วถือหอกเข้าป่าขึ้นไปยังต้นไม้นั้นแล้วนั่งห้าง ฝ่ายพระโพธิสัตว์ก็ออกจากที่อยู่แต่เช้าตรู่มาด้วยหวังว่าจักกินผลมะรื่น แต่ไม่ได้ผลุนผลันเข้าไปที่โคนต้นไม้นั้น คิดว่า บางคราวพวกพรานนั่งห้าง จะผูกห้างบนต้นไม้ อันตรายเห็นปานนี้ มีไหมหนอ จึงได้ยืนพิจารณาอยู่แต่ภายนอก ฝ่ายนายพรานรู้ว่าพระโพธิสัตว์ไม่มา นั่งอยู่บนห้างนั่นแหละ โยนผลมะรื่นให้ ตกลงข้างหน้าพระโพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์คิดว่า ผลเหล่านี้มาตกลงข้างหน้าเรา เบื้องบนต้นไม้นั้น มีนายพรานหรือหนอ เมื่อแลดูบ่อยๆ ก็เห็นนายพราน แต่ทำเป็นไม่เห็น พูดว่า ต้นไม้ผู้เจริญ เมื่อก่อนท่านให้ผลไม้ทั้งหลายตกลง ตรงๆ เหมือนเขย่าผลที่ห้อยอยู่ ฉะนั้น บัดนี้ท่านละทิ้งรุกขธรรมเสียแล้ว เมื่อท่านละทิ้งรุกขธรรมเสียอย่างนี้ เราจักเข้าไปยังโคนต้นไม้แม้ต้นอื่น แสวงหา อาหารของเรา แล้วจึงกล่าวคาถานี้ว่า
แน่ะไม้มะรื่น การที่ท่านปล่อยผลไม้ ให้กลิ้งมา นั้น เราผู้เป็นกวางรู้แล้ว เราจะไปสู่ไม้มะรื่นต้นอื่น เพราะเราไม่ชอบใจผลของท่าน
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ญาตํ ได้แก่ ปรากฏ คือเกิดแล้ว
บทว่า เอตํ โยค ว่า กรรมนี้
บทว่า กุรุงฺคสฺส แปลว่า เนื้อชนิดกวาง
บทว่า ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสิ ความว่า ดูก่อนต้นไม้มะรื่นผู้เจริญ การที่ท่านปล่อยให้ผลกลิ้งตกลงข้างหน้า คือได้เป็นผู้มีผลกระจายมานั้น ทั้ง หมดเกิดเป็นสิ่งลามกสำหรับเนื้อกวาง. ด้วยบทว่า น เม เต รุจฺจเต นี้ กวางกล่าวว่า เราไม่ชอบใจผลของท่านผู้ให้ผลอยู่อย่างนี้ ท่านจงหยุดเถิด เราจักไปที่อื่น ดังนี้ ได้ไปแล้ว
ลำดับนั้น นายพรานทั้งที่นั่งอยู่บนห้างนั่นแล พุ่งหอกไปเพื่อพระโพธิสัตว์นั้น แล้วกล่าวว่า ท่านจงไปเถิด บัดนี้เราเป็นคนผิดหวังท่าน พระโพธิสัตว์หันกลับมายืนกล่าวว่า บุรุษผู้เจริญ แม้บัดนี้ท่านผิดหวังเราก็จริง แต่ ถึงกระนั้น ท่านจะไม่ผิดหวังมหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๖ ขุม และกรรมกรณ์ ทั้งหลายมีการจองจำ ๕ ประการ เป็นต้น ก็แหละครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ได้ไปตามชอบใจ ฝ่ายนายพรานลงมาแล้ว ไปตามความชอบใจ
แม้พระศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตตะเกียกตะกาย เพื่อจะฆ่าเราในบัดนี้ เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็ตะเกียกตะกายแล้วเหมือนกัน ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาสืบอนุสนธิแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า นายพรานนั่งห้างในครั้งนั้น ได้เป็นเทวทัต ส่วนกวางในครั้งนั้น ได้เป็นเราแล
จบ กุรุงคมิคชาดกที่ ๑