บทสรุปของคนไม่เชื่อคนที่หวังดี [เวฬุชาดก]

 
khampan.a
วันที่  15 พ.ค. 2556
หมายเลข  22909
อ่าน  1,009

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ ๒๒

๓. เวฬุชาดก

(ว่าด้วยคนที่นอนตาย)

[๔๓] ผู้ใด บุคคลกล่าวสอนอยู่ ไม่ทำตามคำ

สอนของผู้ปรารถนาประโยชน์ ผู้อนุเคราะห์ด้วย

ประโยชน์เกื้อกูล ผู้นั้นย่อมนอนตายอยู่ เหมือน

ดาบสผู้เป็นบิดาของลูกงู ชื่อว่า "เวฬุกะ" ฉะนั้น.

จบ เวฬุกชาดกที่ ๓

อรรถกถาเวฬุชาดกที่ ๓

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

ทรงปรารภภิกษุผู้ว่ายากรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มี

คำว่า โย อตฺถกามสฺส เป็นต้น.

มีเรื่องย่อๆ ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามภิกษุนั้นว่า

ดูก่อนภิกษุจริงหรือ ที่ว่าเธอเป็นผู้ว่ายาก เมื่อภิกษุนั้นกราบทูล

ว่า จริงพระเจ้าข้า ก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น

ที่เธอเป็นคนว่ายาก แม้ในกาลก่อน เธอก็เป็นคนว่ายากเหมือนกัน

เพราะความที่เป็นคนว่ายากนั่นแหละ จึงไม่กระทำตามถ้อยคำ

ของบัณฑิตทั้งหลาย แล้วถูกงูกัดตาย ดังนี้แล้ว ทรงนำเอา

เรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุง

พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลที่มีสมบัติมาก ในแคว้นกาสี

ครั้นถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้ว ก็เล็งเห็นโทษในกามคุณ และอานิสงส์

ในการออกบวช จึงละกามทั้งหลายแล้วเข้าป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤาษี

บำเพ็ญกสิณบริกรรม ทำอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ ให้เกิดแล้ว

ยับยั้งอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่ฌาน ในกาลต่อมา มีบริวารมาก

มีดาบส ๕๐๐ แวดล้อม เป็นศาสดาของหมู่อยู่แล้ว. ครั้งนั้นมีลูก

อสรพิษตัวหนึ่ง เที่ยวเลื้อยไปตามธรรมดาของตน จนถึงอาศรมบท

ของดาบสรูปหนึ่ง. ดาบสเห็นแล้วเกิดความรักมันเหมือนบุตร

จึงจับมันเลี้ยงไว้ ให้นอนในกระบอกไม้ไผ่ปล้องหนึ่ง. เพราะ

เหตุที่มันนอนในกระบอกไม้ไผ่ ดาบสทั้งหลายจึงให้ชื่อมันว่า

"เวฬุกะ" . และเพราะเหตุที่ดาบสนั้นเลี้ยงดูมันด้วยความรัก

เหมือนมันเป็นบุตร ดาบสทั้งหลายจึงให้ชื่อว่า "เวฬุกบิดา".

ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ได้ยินข่าวว่า ดาบสคนหนึ่งเลี้ยงอสรพิษ

จึงเรียกมาถามว่า ข่าวว่า คุณเลี้ยงอสรพิษจริงหรือ ? เมื่อดาบส

นั้นตอบว่า "จริง" ก็กล่าวเตือนว่า ขึ้นชื่อว่าอสรพิษ วางใจไม่ได้

เลย คุณอย่าเลี้ยงมันนะ. ดาบสตอบว่า ข้าแต่อาจารย์ มันเหมือน

ลูกของผม ผมไม่อาจพรากมันได้. พระโพธิสัตว์เตือนซ้ำว่า ถ้าเช่น

นั้น ท่านจักต้องถึงตาย เพราะใกล้ชิดมันแน่นอน. ดาบสนั้นไม่เชื่อถือ

ถ้อยคำของพระโพธิสัตว์ และไม่อาจปล่อยอสรพิษ ต่อจากนั้น

ล่วงมา ๒-๓ วันเท่านั้น ดาบสทั้งหมดพากันไปหาผลาผล ครั้นถึง

ที่แล้วก็เห็นว่า ผลาผลหาได้ง่าย เลยพักอยู่ในที่นั้นเอง ๒-๓ วัน.

แม้ดาบสเวฬุกบิดา เมื่อไปกับหมู่ดาบสนั้น ก็ให้อสรพิษนอนใน

ปล้องไม้ ปิดไว้แล้วจึงไป ล่วงไป ๒-๓ วัน จึงกลับมาพร้อมกับ

หมู่ดาบส คิดว่า เราจะให้อาหารแก่เวฬุกะ เปิดกระบอกไม้ไผ่

แล้วพูดว่า มาเถิดลูก เจ้าหิวละซี พลางสอดมือเข้าไป. อสรพิษ

โกรธ เพราะอดอาหารมาตั้ง ๒-๓ วัน จึงฉกมือที่สอดเข้าไป

ทำให้ดาบสถึงสิ้นชีวิตอยู่ตรงนั้นเอง แล้วก็เลื้อยเข้าป่าไป. ดาบส

ทั้งหลายเห็นดังนั้น ก็บอกแก่พระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์สั่งให้

ทำสรีรกิจของดาบสผู้เสียชีวิต แล้วนั่งท่ามกลางหมู่ฤาษี กล่าว

คาถานี้สอนหมู่ฤาษี ความว่า :-

" บุคคลใดเมื่อท่านผู้หวังดี มีความเอ็นดู

จะเกื้อกูลกล่าวสอนอยู่ มิได้กระทำตามที่สั่งสอน

บุคคลผู้นั้น ย่อมถูกพิบัติกำจัดเสียนอนอยู่

เหมือนบิดาของงูเวฬุกะ นอนตายอยู่ ฉะนั้น "

ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอวํ โส นิหโต เสติ ความว่า

ก็บุคคลใดไม่เชื่อคำสอนของฤาษีทั้งหลาย บุคคลนั้นย่อมถึงความ

พินาศใหญ่หลวง ถูกพิบัติกำจัดนอนตาย เหมือนดาบสผู้นี้ ถูก

กำจัดให้ถึงความเปื่อยเน่า นอนตายคาปากอสรพิษ ฉะนั้น.

พระโพธิสัตว์กล่าวสอนหมู่ฤาษีอย่างนี้แล้ว อบรมพรหม-

วิหาร ๔ ให้เจริญแล้ว เมื่อสิ้นอายุ ก็ไปอุบัติในพรหมโลก.

แม้พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ มิใช่แต่ในบัดนี้

เท่านั้น ที่เธอเป็นผู้ว่ายาก แม้ในกาลก่อนเธอก็เป็นผู้ว่ายากเหมือน

กัน และเพราะความเป็นผู้ว่ายาก จึงต้องถึงความเน่าเปื่อย เพราะ

ปากอสรพิษเป็นเหตุ ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรง

สืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า ดาบสเวฬุกบิดาในกาลนั้น เป็นภิกษุ

ว่ายากในบัดนี้ บริษัทที่เหลือ คือพุทธบริษัท ศาสดาของคณะ

ฤาษี คือเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถาเวฬุกชาดกที่ ๓


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 30 พ.ค. 2556

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ