มั่นคงในธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มั่นคงในธรรม คือ ความละเอียด ของจิตของผู้มีปัญญา เพราะฉะนั้น มั่นคงในธรรม
จึงเป็นสภาพธรรมที่มีจริงคือ สภาพธรรมที่เป็นปัญญา ที่มีกำลังซึ่งความมั่นคงในธรรม
ก็มีหลายระดับ ตามระดับของปัญญา
มั่นคงในธรรมคือ ปัญญา ที่มั่นคงในธรรมว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล มีแต่ธรรม ไม่ใช่
เรา ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและนิพพานเท่านั้น มั่นคงในธรรม ที่กำลังมีในขณะนี้ว่าไม่
พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง นี่ คือ ปัญญาที่มั่นคงในธรรม ซึ่งก็มีระดับ ที่เป็นปัญญา
ขั้นการฟัง ที่มั่นคงในธรรมตามที่กล่าวมา แต่ยังไม่ได้ประจักษ์ตัวลักษณะของ
สภาพธรรม ก็เป็นความมั่นคงในธรรมในขั้นการฟัง
มั่นคงในธรรม ที่เป็นปัญญาที่ประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้
ที่เป็นขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะใดที่สติปัฏฐานเกิด ที่เป็นกิจจญาณ แสดงถึงความ
มั่นคงในธรรมด้วยปัญญาขั้นการฟัง สมบูรณ์ถึงพร้อมแล้ว คือ มีสัจจญาณที่มั่นคง
มั่นคงว่าเป็นธรรม ขั้นการฟัง ทำให้ถึง ปัญญาที่เป็น ปฏิบัติ สติปัฏฐาน จนปัญญา
ที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ มั่นคงในธรรม ที่ตัวลักษณะของสภาพธรรม
ที่กำลังปรากฎว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แต่ยังไม่ได้มั่นคงในธรรมจริงๆ ในระดับ
ปัญญาที่สูงกว่านี้ ที่จะไม่เกิดความเห็นผิดว่า มีสัตว์ บุคคล จริงๆ เมื่อถึงความเป็น
พระโสดาบัน ครับ
มั่นคงในธรรม ที่เป็นปัญญาระดับวิปัสสนาญาณ ก็ถึงความละเอียดของสภาพ
ธรรมที่รู้มากขึ้น ถึงความไม่เที่ยง และ เป็นทกุข์ เป็นภัยของสสภาพธรรมากขึ้น
มั่นคงในธรรมที่กำลังมี ว่าไม่เที่ยง เกิดขึ้น และ ดับไปอยู่ตลอดเวลา
มั่นคงในธรรม ที่เมื่อถึงความเป็นพระโสดาบัน มั่นคงในธรรมจริงๆ ที่จะไม่เปลี่ยน
แปลงอีกเลย คือ รู้ตามความป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดับความเห็นผิดที่ยึดถือ
ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล มั่นคงในธรรมด้วยปัญญาที่เป็นระดับโลกุตตรธรรม ดับ
ความเห็นผิดที่ทำให้ไม่มั่นคงว่าเป็นธรรม ครับ
มั่นคงในธรรม ยังมีระดับที่ละเอียดลงไปอีก คือ เมื่อถึงความเป็นพระอริยบุคคล
เพราะ ธรรมที่ยึดถือว่าผิด ไม่ใช่เพียงยึดถือว่า เป็นเรา เป็นสิ่งที่เที่ยง แต่ยังยึดถือ
ผิด ด้วยสำคัญว่า ธรรมนั้นงาม เป็นต้นก็ได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่มั่นคงในธรรมว่าไม่งาม
อีกเลย คือ พระอนาคามี ครับ
มั่นคงในธรรมทั้งปวง ตามความเป็นจริง สูงสุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ ที่จะ
ไม่ยึดถือธรรมที่ผิด ด้วย ตัณหา มานะ และ ทิฏฐิ ดับกิเลสหมดสิ้น ไม่มีกิเลสที่ยึด
ด้วยอกุศลประเภทต่างๆ มั่นคงในธรรม ด้วยปัญญาที่รู้แจ้ง จนดับกิเลสได้ ครับ
มั่นคงในธรรม แม้ขั้นการฟังก็เป็นประโยชน์เกื้อกุล ที่รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แม้
ขั้นการฟัง ย่อมจะทำให้ถึง ความมั่นคงในธรรม ที่เป็นปัญญาที่รู้มากขึ้น ตามลำดับ
จนถึง ความมั่นคงในธรรมที่สมบูรณ์ เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ ครับ
เหตุที่ทำให้มั่นคงในธรรม คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในสภาพธรรมที่จริง
ก็จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นทีละน้อย ค่อยๆ มั่นคงในธรรมด้วยปัญญา และ เมื่อปัญญา
เจริญขึ้น ก็มั่นคงในธรรมอีกนัย คือ เป็นผู้เห็นประโยชน์ในธรรม มั่นคงในธรรม ที่จะ
ฟังต่อไป อบรมปัญญาต่อไป ไม่ทอดธุระ และ ไม่ทิ้งพระธรรม ตามกาลเวลาอัน
สมควรที่จะศึกษา ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่จะมั่นคงในธรรม ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งสูงสุด ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพราะการฟังพระธรรมจะทำให้ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกค่อยๆ เจริญขึ้น ค่อยๆ มั่นคงในเหตุในผลในความเป็นจริงของธรรมเพิ่มมากยิ่งขึ้น ความเข้าใจพระธรรมก็จะเป็นเครื่องเกื้อกูลโดยประการทั้งปวง นำไปสู่ความดี นำ
ไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น ซึ่งเมื่อดับกิเลสใดๆ ได้แล้วก็จะไม่
หวนกลับไปสู่กิเลสเหล่านั้นอีก เป็นผู้ที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของกิเลส
เพราะฉะนั้นความมั่นคง ก็เป็นไปตามลำดับขั้นจริงๆ จนกว่าจะบรรลุถึงความเป็นพระ
อรหันต์ เมื่อนั้น เป็นผู้มั่นคงจริงๆ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้น ไม่สามารถหวั่นไหวไปตาม
อำนาจของกิเลสใดๆ เลย เพราะเหตุว่าดับได้อย่างหมดสิ้นแล้วนั่นเอง
เพราะฉะนั้นแล้ว สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเป็นไปได้
เมื่อมีการอบรม ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขอบพระคุณ อ. ผเดิม และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
มั่นคงในธรรม คือ มั่นคงในหนทางที่ถูกต้อง ไม่เปลี่ยนไปในทางที่ผิด ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มั่นคงที่เข้าใจจริงว่า ไม่มีเรา ไม่มีใครเลยตั้งแต่เกิดให้มั่นคง เป็นแต่เพียง
ธรรมมะ เป็นแต่เพียงปัจจัยเกิดชั่วคราว แล้วดับไปไม่กลับมาอีก มีปัจจัยก็เกิด
อีกสืบไป ไม่มีเราที่มั่นคง ไม่มีเราที่ต้องการความมั่นคง จึงเป็นความมั่นคง