ได้เกิดมาในชาติตระกูลดี

 
lovedhamma
วันที่  20 พ.ค. 2556
หมายเลข  22928
อ่าน  9,076

คนที่ได้เกิดมาในชาติตระกูลดี มีอำนาจมาก (ขอโทษนะครับที่อยากรู้เรื่องแบบนี้) คือ ประมาณว่า มีเส้นมีสาย มีแต่คนให้ความเคารพยำเกรงอย่างสบาย แล้วตลอดชีวิตของเขาเนี่ย ทั้งๆ ที่คนจำนวนมากมีเรื่องต้องหวั่นวิตก แต่เขากลับประสบแต่ความสุขสบาย ในทุกเรื่องทุกกรณีเนี่ย ในอดีตชาติเค้าทำบุญด้วยอะไร หรือไปทำอะไรมาบ้างครับ อยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยละเอียด...

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน การจะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ก็แตกต่างกันไปตามกรรมที่แต่ละคนทำกันมา และ ตามประเภทของกรรมนั้นด้วย ซึ่งการได้เกิดเป็นมนุษย์และเกิดในตระกูลสูง มีผู้คนเคารพนับถือ ก็เพราะกรรมดีที่เป็นกุศลกรรมในกาลก่อนให้ผล ทำให้มีชาติตระกูลสูงและมีผู้คนเคารพนับถือ ให้ความเคารพยำเกรงด้วยกรรม คือ การเป็นผู้ไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง และ ให้ความเคารพกับบุคคลที่ควรเคารพ และให้ความนับถือกับบุคคลที่ควรนับถือ บูชาบุคคลที่ควรบูชา ด้วยกาย วาจา และใจ ด้วยกรรมดีที่ทำนั้น ย่อมจะเป็นปัจจัย คือ ทำให้เกิดในสุคติภูมิ มีมนุษย์ เป็นต้น และ เมื่อเป็นมนุษย์แล้ว กรรมดีนั้น ย่อมส่งผลให้เป็นผู้ที่มีคนเคารพ นับถือ ยำเกรง และ เกิดในตระกูลสูงด้วย สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในเรื่องกฎแห่งกรรม ดังนี้

[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 257

จูฬกัมมวิภังคสูตร

[๕๙๓] ดูก่อนมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา. เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป. ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลสูง. ดูก่อนมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีสกุลสูงนี้ คือ เป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา.


จะเห็นนะครับว่า ผู้ที่ทำเหตุเช่นใด ก็ได้รับผลเช่นนั้น เมื่อเป็นผู้ไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง และ เป็นผู้เคารพ สักการะ และ บูชาคนอื่นเป็นประจำ จิตที่ดีที่เกิดขึ้น มีการแสดงออกทางกาย วาจา มีการลุกรับ กราบไหว้ ก็เป็นปัจจัยให้เกิดในตระกูลที่ดี และ มีแต่คนเคารพ เพราะ ตนเองก็ทำกรรม คือ เคารพคนอื่นมาก่อนครับ ทำกรรมเช่นไรก็ย่อมได้รับผลของกรรมเช่นนั้น ครับ

และ จากคำถามที่ว่า

แล้วตลอดชีวิตของเขาเนี่ย ทั้งๆ ที่คนจำนวนมากมีเรื่องต้องหวั่นวิตก แต่เขากลับประสบแต่ความสุขสบาย ในทุกเรื่อง ทุกกรณีเนี่ย ในอดีตชาติเค้าทำบุญด้วยอะไรหรือไปทำอะไรมาบ้างครับ

- การได้รับสิ่งที่ดีที่เป็นวิบากเป็นผลของกรรมในชีวิตประจำวัน มี ๕ ทาง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย ที่จะเห็นสิ่งที่ดี ได้ยินเสียงที่ดี ได้ลิ้มรสสิ่งที่ดี ได้รู้กระทบสัมผัสที่ดี เป็นต้น ก็ต้องเกิดจากกุศลกรรมใดกุศลกรรมหนึ่งให้ผล ซึ่งไม่สามารถจำเพาะเจาะจงลงไปได้ว่ากรรมอะไร นอกเสียจากพระพุทธเจ้า ครับ

แต่ต้องไม่ลืมว่า ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชน ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องทุกข์ แม้ไม่ทุกข์กายก็ต้องทุกข์ใจด้วยกันทุกคน ซึ่งเราไม่สามารถจะรู้จิตใจของเขาได้ด้วยเพียงตาเปล่า หรือ มองภายนอกว่าเขามีความสุข แท้ที่จริงก็ทุกข์อยู่ได้ แม้ไม่บอก เพราะอกุศลเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นของปุถุชน อกุศลเกิดเมื่อไหร่ทุกข์แล้ว และ เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้

สมดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมในเรื่องของท่านพระภัททิยะ ซึ่งพระองค์ทรงแสดงว่า ผู้ที่มีความสุขจริงๆ ไม่ทุกข์ใจอีกเลย คือ ผู้ที่ดับกิเลสหมดแล้วเป็นพระอรหันต์ ดังเช่น ท่านพระภัททิยะ กล่าวว่า สุขหนอ สุขหนอ แม้อยู่ในป่า โคนไม้ แต่ตราบใดที่เป็นปุถุชน แม้เป็นพระราชา ได้รับสิ่งดีๆ มากมาย ก็ยังต้องทุกข์ใจ หวาดหวั่น เพราอกุศลอยู่เป็นธรรมดา ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 268

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามท่านพระภัททิยะพระโอรสของพระราชเทวีกาฬิโคธาว่า ดูก่อนภัททิยะ ได้ยินว่า ท่านอยู่ในป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่เรือนว่างก็ดี เปล่งอุทานเนืองๆ ว่า สุขหนอ สุขหนอ ดังนี้จริงหรือ ท่านพระภัททิยะทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนภัททิยะ ท่านเห็นอำนาจประโยชน์อะไรเล่า อยู่ในป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่เรือนว่างก็ดี จึงเปล่งอุทานเนืองๆ ว่า สุขหนอ สุขหนอ.

ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์ในกาลก่อน เสวยสุขในราชสมบัติอยู่ ได้มีการรักษาอันพวกราชบุรุษจัดแจงดีแล้ว ทั้งภายในพระราชวัง ทั้งภายนอกพระราชวัง ทั้งภายในพระนคร ทั้งภายนอกพระนคร ทั้งภายในชนบท ทั้งภายนอกชนบท ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นั้นแลเป็นผู้อันราชบุรุษรักษาแล้ว คุ้มครองแล้ว อย่างนี้ ยังเป็นผู้กลัว หวาดเสียว ระแวง สะดุ้งอยู่ แต่บัดนี้ ข้าพระองค์ผู้เดียว อยู่ป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่เรือนว่างก็ดี ไม่กลัว ไม่หวาดเสียว ไม่ระแวง ไม่สะดุ้ง มีความขวนขวายน้อย มีขันติ เป็นไปอยู่ด้วยของที่ผู้อื่นให้ มีใจดุจเนื้ออยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์นี้แล อยู่ในป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่เรือนว่างก็ดี จึงได้เปล่งอุทานเนืองๆ ว่า สุขหนอ สุขหนอ.


หนทางที่จะไม่ทุกข์อีกเลย มี คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมละเหตุแห่งทุกข์ คือ กิเลส ได้ และ จนในที่สุด ย่อมถึงความไม่มีทุกข์จริงๆ คือ การไม่เกิดอีกเลย เมื่อเป็นพระอรหันต์ และ ปรินิพพาน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pamali
วันที่ 20 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อกล่าวถึงชีวิตความเป็นไปของแต่ละคนแล้วก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรม เมื่อกล่าวโดยประมวลแล้วแต่ละคนเสมอกันในความเป็นธรรม แต่ที่แตกต่างกันคือ การได้รับผลของกรรม และ การสะสมเหตุ การได้รับผลของกรรมในชีวิตประจำวันไม่มีใครทำให้เลย การที่จะได้รับในสิ่งที่น่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ ก็มาจากเหตุคือกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว ในทางตรงกันข้าม การไดัรับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ก็มาจากเหตุเช่นเดียวกัน แต่เป็นเหตุที่ไม่ดีคืออกุศลกรรมนั่นเอง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจำแนกบุคคลออกเป็นประเภทต่างๆ มากมาย อย่างเช่นใน

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓

ฉฬาภิชาติยสูตร

สรุปได้ว่า

คนชาติดำ ประพฤติธรรมดำ คือ เกิดในตระกูลต่ำ มีชีวิตที่ลำบาก เป็นอยู่อย่างฝืดเคือง และไม่ได้ทำความดี ทำแต่อกุศลกรรม เมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมไปสู่ทุคติ

คนชาติดำ ประพฤติธรรมขาว คือ เกิดในตระกูลต่ำ มีชีวิตที่ลำบาก เป็นอยู่อย่างฝืดเคือง แต่เป็นผู้ที่ได้ทำความดี ประพฤติสุจริตทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมไปสู่สุคติ

คนชาติดำ บรรลุนิพพานที่ไม่ดำไม่ขาว คือ เกิดในตระกูลต่ำ มีชีวิตที่ลำบาก เป็นอยู่อย่างฝืดเคือง แต่เป็นผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ในที่สุด

คนชาติขาว ประพฤติธรรมดำ คือ เกิดในตระกูลสูง มีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่ลำบาก แต่ก็ไม่ได้ทำความดี ทำแต่อกุศลกรรม เมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมไปสู่ทุคติ

คนชาติขาว ประพฤติธรรมขาว คือ เกิดในตระกูลสูง มีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่ลำบาก อีกทั้งยังได้ทำความดี ประพฤติสุจริตทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมไปสู่สุคติ

คนชาติขาว บรรลุนิพพานที่ไม่ดำไม่ขาว คือ เกิดในตระกูลสูง มีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่ลำบาก และเป็นผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ในที่สุด

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากพระสูตรดังกล่าวได้ที่นี่

คนชาติต่างๆ [ฉฬาภิชาติยสูตร]

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเกิดในตระกูลใด มีความเป็นอยู่อย่างไรก็ตาม ย่อมสามารถที่จะเป็นไปได้ทุกอย่าง (ทั้งคนดี คนชั่ว และรู้แจ้งอริยสัจจธรรม) แล้วแต่ว่าจะน้อมไปในทางใด เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ เมื่อได้ความเป็นมนุษย์แล้ว ควรแสวงหาประโยชน์จากการเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด ด้วยการได้สะสมกุศล สะสมปัญญา เพราะสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง เป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นวัฏฏะได้ในที่สุด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 20 พ.ค. 2556

คนที่เกิดในตระกูลสูงเพราะในอดีตอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ถือตัว ไม่กระด้าง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 20 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
mon-pat
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Boonyavee
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 21 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 26 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
lovedhamma
วันที่ 10 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Glauy
วันที่ 2 ก.ย. 2563

สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ