วิชยสูตรที่ ๑๑.. เรื่องร่างกาย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 479
วิชยสูตรที่ ๑๑
ว่าด้วยเรื่องร่างกาย
[๓๑๒] ถ้าว่าบุคคลเที่ยวไป ยืนอยู่
นั่ง นอน คู้เข่าหรือเหยียดออก นั่นเป็นความ
เคลื่อนไหวของกาย กายประกอบแล้วด้วย
กระดูกและเอ็น ฉาบด้วยหนังและเนื้อ ปกปิด
ด้วยผิว เต็มด้วยไส้ อาหาร มีก้อนตับ มูตร
หัวใจ ปอด ม้าม ไต น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ
มันข้น เลือด ไขข้อ ดี เปลวมัน
อันปุถุชนผู้เป็นพาล ย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง
อนึ่ง ของอันไม่สะอาดย่อมไหลออก
จากช่องทั้งเก้าของกายนี้ทุกเมื่อ คือขี้ตาจากตา
ขี้หูจากหู และน้ำมูกจากจมูก บางคราว
ย่อมสำรอกออกจากปาก ดีและเสลดย่อม
สำรอกออก เหงื่อและหนองฝีซึมออกจาก
กาย อนึ่ง อวัยวะเบื้องสูงของกายนี้เป็น
โพรง เต็มด้วยมันสมอง
คนพาลถูกอวิชชา
หุ้มห่อแล้ว ย่อมสำคัญกายนั้นโดยความเป็น
ของสวยงาม.
ก็เมื่อใด เขาตาย ขึ้นพอง มีสีเขียว
ถูกทิ้งไว้ในป่า เมื่อนั้น ญาติทั้งหลายย่อม
ไม่ห่วงใย สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก หมาป่า
หมู่หนอน กา แร้ง และสัตว์เหล่าอื่น ย่อม
กัดกินกายนั้น ภิกษุในศาสนานี้ ได้ฟังพระ-
พุทธพจน์แล้ว มีความรู้ชัด เธอย่อมกำหนด
รู้กายนี้ ย่อมเห็นตามความเป็นจริงทีเดียว
สรีระที่มีวิญญาณนี้ เหมือนสรีระที่ตายแล้ว
นั่น สรีระที่ตายแล้วนั้น เหมือนสรีระที่มี
วิญญาณนี้
ภิกษุพึงคลายความพอใจในกาย
เสียทั้งภายในและภายนอก ภิกษุนั้นมีความ
รู้ชัดในศาสนานี้ ไม่ได้ยินดีแล้วด้วยฉันทราคะ
ได้บรรลุอมฤตบท สงบดับไม่จุติ
กายนี้มีสองเท้า ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น
อันบุคคลบริหารอยู่ เต็มไปด้วยซากศพต่างๆ
ถ่ายของไม่สะอาด มีน้ำลายและน้ำมูกเป็นต้น
ให้ไหลออกจากทวารทั้งเก้า และขับ
เหงื่อไคลให้ไหลออกจากขุมขนนั้นๆ ผู้ใด
พึงสำคัญเพื่อยกย่องตัวหรือพึงดูหมิ่นผู้อื่น
จักมีอะไร นอกจากการไม่เห็นอริยสัจ.
จบวิชยสูตรที่๑๑