รูป กระทบใจ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-ถ้ากล่าวถึง รูปายตนะ มุ่งหมายถึงเพียง สี สิ่งที่ปรากฏทางตา
-ถ้ากล่าวถึงรูป ก็ย่อมกว้าง กล่าวครอบคลุมถึงรูปธรรมทั้งหมด
ทีนี้ก็กลับมาที่ประเด็นคำถาม ที่กล่าวถึง รูปเห็นได้และกระทบได้ด้วย กับ เห็นไม่ได้แต่กระทบได้
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจว่า รูปที่กระทบได้ มีทั้งหมด ๑๒ รูป คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (ธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุลม)
เฉพาะเพียงสีเท่านั้นที่เห็นได้ ดังนั้น รูปที่เห็นได้และกระทบได้ด้วย หมายถึงเฉพาะสี หรือ สิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น เพราะเห็น ก็ต้องเห็นเฉพาะสีเท่านั้น และสีก็กระทบกับจักขุปสาทะเท่านั้น แล้วเป็นเหตุให้จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางจักขุทวาร
ส่วนประเด็นรูปที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ก็หมายถึงรูป ๑๑ รูป ยกเว้น สี เท่านั้น ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ (ธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุลม)
---------------------------------------------
ตากระทบกับสี หูกระทบกับเสียง จมูกกระทบกับกลิ่น ลิ้นกระทบกับรส กายกระทบกับโผฏฐัพพะ ตามควรแก่สภาพธรรมนั้นๆ คือ ควรแก่ปสาทรูปนั้นๆ และรูปที่กระทบกับปสาทะรูปนั้นๆ โดยไม่ปะปนกัน และไม่ใช่กระทบใจ ความเป็นจริงของสภาพธรรม เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น
ดังนั้น ๒ ประเด็นจากคำถาม มุ่งหมายถึงเพียงรูปธรรมบางประเภทเท่านั้น ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
เห็นได้ กระทบได้ เป็นต้น [ธรรมสังคณีปกรณ์]
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ซึ่งในความละเอียดของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมนั้น ก็มีความละเอียดของรูปแต่ละรูปที่แตกต่างกันไป
ขณะนี้ กำลังมีรูป และ มีรูปที่เห็นได้ ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นสภาพธรรมที่กำลังมีในชีวิตประจำวัน ขณะนี้ กำลังเห็น เห็นเป็นสภาพรู้ ซึ่งก่อนที่จะเห็น ก็จะต้องมีตาที่เป็นจักขุปสาทรูป เป็นสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม ที่ทำหน้าที่รับกระทบรูป ซึ่งจักขุปสาทะ เป็นรูปแต่เห็นไม่ได้ เพราะเป็นรูปที่รู้ทางใจ แต่เมื่อมีการกระทบกันของรูปแล้วกับจักขุปสาทะ ก็เป็นปัจจัยให้เกิดจิตเห็นเกิดขึ้น จิตเป็นสภาพรู้ เมื่อจิตเห็นเกิดขึ้นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น สิ่งที่ถูกเห็น คือรูปารมณ์ หรือ รูปายตนะ ซึ่งเห็นได้ คือ เห็นได้จากจิตเห็น และ กระทบได้ คือ กระทบกับ จักขุปสาทะ ครับ
ส่วน ปสาทรูปอื่นๆ ที่เป็น ปสาทรูป ห้า เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ แต่กระทบได้ เพราะรูปเหล่านี้ รู้ได้ทางใจ ไม่ใช่รู้ได้ทางตา
เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส เป็นรูปที่กระทบได้ แต่เห็นไม่ได้เช่นกัน
ส่วนนามธรรมที่เป็น จิต เจตสิก เห็นไม่ได้ กระทบก็ไม่ได้ ครับ
การศึกษาในส่วนของพระอภิธรรมที่เป็นรูปธรรม ประโยชน์เพื่อเข้าใจความจริงว่า เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้รูปธรรมก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยต่างๆ และ แสดงถึงว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่รูปธรรมและนามธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป อันแสดงถึงความไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา
-ถ้ากล่าวถึง รูปายตนะ มุ่งหมายถึงเพียง สี สิ่งที่ปรากฏทางตา
[๕๒๑] รูปที่เรียกว่า รูปายตนะ นั้น เป็นไฉน ? รูปใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นสิ่งที่เห็นได้และกระทบได้ได้แก่ สีเขียวคราม สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว สั้น ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยมแปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม ดอน เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆหมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ แสงดาว แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์ แสงทอง แสงเงิน หรือรูปแม้อื่นใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นสิ่งที่เห็นได้และกระทบได้ มีอยู่,สัตว์นี้ เห็นแล้ว หรือเห็นอยู่ หรือจักเห็น หรือพึงเห็น ซึ่งรูปใด อันเป็นสิ่งที่เห็นได้แล้วกระทบได้ด้วยจักขุ อันเป็นสิ่งที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้, นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปายตนะ.
อาจารย์ จะว่าอย่างไรครับ ดูเหมือน รูปายตนะ หมายรวมถึงสิ่งที่เห็นได้ และเห็นไม่ได้ ด้วย
ผมถึงได้ งง งง ไงครับ
เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
ก็ขอให้ลองอ่านดีๆ นะครับ ค่อยๆ อ่าน และที่สำคัญความเป็นจริงของสภาพธรรมจะไม่เปลี่ยน เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น
จากข้อความที่ว่า
"รูปใด อันเป็นสิ่งที่เห็นได้แล้วกระทบได้ด้วยจักขุ อันเป็นสิ่งที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้, นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปายตนะ"
ข้อความที่ยกมาที่เป็นตัวสีแดงในท่อนหลัง นั้น เป็นคำที่ขยาย จักขุ ครับ เพราะจักขุ (ตา) เป็นสภาพธรรมที่เห็นไม่ได้ แต่กระทบได้ เนื่องจากว่า กำลังอธิบายถึงว่า สีหรือรูปายตนะ นี้ เป็นสภาพธรรมที่กระทบได้ด้วยจักขุ โดยที่จักขุ (ตา) เป็นสิ่งที่เห็นไม่ได้ แต่กระทบได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ...
รูปใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นสิ่งที่เห็นได้และกระทบได้ได้แก่ สีเขียวคราม สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว สั้น ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยมแปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม ดอน เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆหมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ แสงดาว แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์ แสงทอง แสงเงิน หรือรูปแม้อื่นใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นสิ่งที่เห็นได้และกระทบได้ มีอยู่,สัตว์นี้ เห็นแล้ว หรือเห็นอยู่ หรือจักเห็น หรือพึงเห็น ซึ่งรูปใด อันเป็นสิ่งที่เห็นได้แล้วกระทบได้ด้วยจักขุ (อันเป็นสิ่งที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้) นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปายตนะ.
ขอกราบคารวะ อาจารย์งามๆ เลยครับ โล่งเลยครับ