โพธิปักขิยธรรม ๓๗

 
ผู้มีกิเลส
วันที่  29 พ.ค. 2556
หมายเลข  22968
อ่าน  1,607

อินทรีย์ทั้ง ๕ ควรมีเสมอกันหรือไม่ครับ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อินทรีย์ โดยศัพท์ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นใหญ่ ซึ่งอินทรีย์มีหลายหลายนัย แต่ถ้าพูดถึง หนทางการเจริญอบรมปัญญา เพื่อดับกิเลส อันเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คือ อินทรีย์ 5 ที่เป็น ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ซึ่งสภาพธรรมเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นโสภณธรรม และ เป็นธรรมที่จะถึงการตรัสรู้ได้ แต่ในความละเอียดของธรรมแล้ว การจะถึงความเป็นอินทรีย์ ในอินทรีย์ 5 แต่ละสภาพธรรม เช่น สัทธินทรีย์ ก็จะต้องมีปัญญาด้วย และเป็นศรัทธาที่เกิดพร้อมกับปัญญา ที่ไม่ใช่เพียงศรัทธาขั้นนึกคิด เช่น ศรัทธาเชื่อพระรัตนตรัย ศรัทธาในพระธรรม เป็นต้น แต่ที่สำคัญ ศรัทธา จะต้องเป็นศรัทธา ที่เกิดพร้อมปัญญา ที่เกิดในขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้น รู้ความจริงของสภาพธรรม ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา

ขณะนั้น มีศรัทธา ที่ถึงพร้อมกับปัญญา จึงเป็น อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ในขณะนั้น ครับ โดยนัยเดียวกัน วิริยะ ความเพียร ไม่ใช่เพียรเดิน เพียรนั่งสมาธิ แต่ ป็นความเพียรวิริยเจตสิกที่เ่่กิดพร้อมกับปัญญา ขณะที่สติปัฏฐานเกิด กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนั้น มีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วย เป็นอินทรีย์ ที่เป็น วิริยินทรีย์ ในขณะนั้น ครับ

สติ ที่เป็นสตินทรีย์ ก็คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริง สติกำลังระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้น สติเป็นใหญ่เป็นอินทรีย์ เพราะ มีปัญญาระดับสูงเกิดร่วมด้วย

ส่วนสมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิกที่มีลักษณะของความตั้งมั่นในอารมณ์ ซึ่งความตั้งมั่นสมาธิ ไม่ได้หมายถึง การนั่งสมาธิ จะเป็นการอบรม สมาธินทรีย์ แต่ เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดในขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้น มีความตั้งมั่นชั่วขณะแล้ว ที่เป็น ขณิกสมาธิ แต่สมาธินี้ เป็นสมาธินทรีย์เพราะ มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ที่กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรม

ส่วนปัญญา ที่จะเป็นปัญญินทรีย์ ไม่ใช่เพียงปัญญาขั้นการฟัง ปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรม แต่ จะต้องเป็นปัญญาที่กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา จึงจะเป็นใหญ่ ที่กำลังรู้ความจริง เพราะเป็นปัญญาที่เป็นหนทางการละกิเลสได้จริงๆ ครับ

ซึ่ง ในการปรับอินทรีย์ให้เสมอกัน ไม่มีตัวเราที่ปรับ เพราะ ทั้งหมดเป็นแต่เพียงธรรม ศรัทธา ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม วิริยะ ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม สติไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม สมาธิไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม และ ปัญญาไม่ใช่เราเป็นแต่เพียงธรรม และ ต้องไม่ลืม คำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

ดังนั้น เมื่ออินทรีย์ 5 ที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นธรรม เพราะฉะนั้น อินทรีย์จึงเป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาด้วยความเป็นเราได้ เพราะ ต้องไม่ลืมว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุ และ ปัจจัย เมื่อมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอะไรที่จะปรับอินทรีย์ นั่นคือ สภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดจากการปรุงแต่ง โดยการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง เมื่อปัญญาเจริญขึ้นจากขั้นการฟัง กุศลธรรมประการต่างๆ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ หิริ เป็นต้น ก็เจริญตามปัญญาด้วย ขณะที่สภาพธรรมฝ่ายดีเจริญตามปัญญา นั่นก็เป็นการแสดงแล้วว่ากำลังมีการปรับอินทรีย์ โดยตัวของสภาพธรรมเอง ที่กำลังปรับ โดยไม่มีเราที่จะไปพยายามปรับ และ เมื่อไหร่ที่ เกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น แสดงแล้วว่า อินทรีย์มีการปรับให้เสมอกัน แล้ว เพราะ มีการเกิดปัญญาที่รู้ความจริง ดังนั้นสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นฝ่ายดี จะปรับ คือ จะเกิดเจริญขึ้นเอง จากการอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้มีกิเลส
วันที่ 29 พ.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ คุณPaderm อย่างสูงครับ

ที่ให้ความสว่างกระจ่างธรรมแก่ข้าพเจ้าผู้มีปัญญาน้อย สาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อิสริยา
วันที่ 29 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาและกราบขอบพระคุณทั้งท่านผู้ถามและอาจารย์ค่ะ พระธรรมนั้นช่างละเอียดลึกซึ้งมากจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โพธิปักขิยธรรม เป็นธรรมที่เป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

แล้วจะมาจากไหน ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ขั้นต้น ด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาพระธรรมศึกษาใน

สิ่งที่มีจริง เพื่อเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 30 พ.ค. 2556

อินทรีย์ 5 อบรมจากการฟัง การศึกษา การพิจารณา และ การสะสมมาในอดีต เมื่อมีเหตุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 31 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
mon-pat
วันที่ 31 พ.ค. 2556

ปัญญาไม่ใช่เราเป็นแต่เพียงธรรม และ ต้องไม่ลืม คำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

กราบขอบพระคุณ อ.Paderm อย่างสูงครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ