พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต

 
amornrat44
วันที่  29 พ.ค. 2556
หมายเลข  22970
อ่าน  7,571

พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งหรือไม่ และเกี่ยวข้อง

อย่างไรเกี่ยวกับการรักษาโรค เป็นความเชื่อผิดผิดที่เล่าต่อกันมาหรือไม่คะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกาย

มหายาน พระนามของท่านหมายถึง พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษาโรค

ผู้มีรัศมีสีน้ำเงินดังไพฑูรย์ พระนามอื่นๆ ของท่านคือ พระไภษัชยคุรุตถาคต พระ

มหาแพทย์ราชาพุทธเจ้า พระมหาไภษัชยราชพุทธเจ้า เป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีน

และชาวทิเบต

ซึ่งลักษณะ พระหัตถ์ ถือหม้อยา เชื่อกันว่า เป็นพระพุทธเจ้าที่สามารถทำให้หาย

จากโรคได้ ทั้งโรคกาย และ แก้กรรม ในความเป็นจริงที่เป็นสัจจะ ที่ไม่แบ่งนิกายใด ไม่มีพระพุทธเจ้าในลักษณะเช่นนี้

เลย ที่จะมารักษาโรคกาย ด้วย กระปุกยา หม้อยา แต่พระพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้

ความจริงด้วยพระปัญญา และ เห็นเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง ที่ไม่ใช่โรคกาย แต่โรคที่

ร้ายแรง และ เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ คือ โรคที่เป็น โรคกิเลส ที่กำลังมี กำลังเกิดอยู่

โดยไม่รู้เลย และ ไม่มีใครักษาหายได้ นอกจากสภาพธรรมที่เป็นปัญญาเกิดขึ้นรู้

ความจริง ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ด้วยพระปัญญา พระองค์เปรียบเหมือนหมอ

รักษาโรค และ ทรงแสดงพระธรรม ที่เปรียบเหมือน ยารักษาโรค ให้หายได้ ด้วย

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพียงแต่โรคกิเลส เป็นโรคที่ร้ายแรง และเรื้อรัง

จึงต้องอาศัยระยะเวลา ในการอบรมปัญญาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นมรดก

อันล้ำค่า ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบ คือ หนทางการดับกิเลส ด้วยการเจริญอบรมปัญญา

ไม่ใข่การรักษาโรคทางกาย แต่ รักษาโรคใจ เพราะ โรคกายมีได้ ก็เพราะ มีกิเลส

มีการทำกรรม เมื่อไม่มีกิเลส ก็ไม่มีการทำอกุศลกรรม ก็ไ่่ม่ป่วย และเมื่อไม่มีกิเลสก็

ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องทุกข์กาย และ ทุกข์ใจในประการใดอันเป็นการละทุกข์ที่แท้จริง

ครับ เพราะฉะนั้น จึงเป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งเป็นของธรรมดา ตราบใดที่ยังมีอวิชชา

ก็ย่อมคิดกันไป ตามความไม่รู้ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ก็ควรสำเหนียกในเรื่องนี้ ที่

จะไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่จะเป็นวิธีรักษาโรคที่ดีที่สุด ทั้ง

โรคกาย และ โรคใจ ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
amornrat44
วันที่ 30 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โรคใจ คือ กิเลส เป็นโรคที่มองไม่เห็น และมีกันทุกคนตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกวันๆ นี้ที่มีความไม่รู้

ความจริง จึงเป็นเหตุให้มีความติดข้องต้องการ เมื่อได้มาแล้วก็ต้องการที่จะรักษาด้วย

ความห่วงใย ถ้าไม่ได้ก็เป็นทุกข์เดือดร้อน และขวนขวายต่อไปอีกอย่างไม่รู้จบ พอได้

สิ่งที่ต้องการแล้วก็เพลิดเพลินติดข้องหลงมัวเมา พอสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งนั้นไปก็

เศร้าโศกเสียใจ ซึ่งเป็นโรคของใจ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ตลอดจนกถึงกิเลสประการ

อื่นๆ นอกเหนือจากโลภะ แล้ว มีโทสะ โมหะ ความริษยา ความตระหนึ่ เป็นต้น

ล้วนเป็นโรคของใจ เสียดดแทงจิตใจ ทำให้จิตใจเศร้าหมองไม่ผ่องใส

แพทย์พยาบาล สามารถที่จะรักษาช่วยคนป่วยให้หายจากโรคทางกายได้ แต่โรค

ทางใจคือกิเลส แพทย์พยาบาลที่ไหนก็รักษาไม่ได้ ก็จะต้องเป็นแพทย์ผู้ฉลาดที่สุด

ในโลก คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรักษาโรคกิเลสของสัตว์โลก

ได้ทุกโรค มีโรคโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ด้วยธรรมโอสถ คือ พระธรรมที่พระองค์

ทรงแสดง จึงควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น และเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 30 พ.ค. 2556

พระพุทธเจ้า ไม่ได้ถือหม้อยามา มีแต่ธรรมโอสถ ที่รักษาได้ทุกโรค โรคโลภะ โรคโทสะ

โรคโมหะ ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ