ทวยตานุปัสสนาสูตร (ต่อ)... วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖

 
มศพ.
วันที่  9 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23025
อ่าน  1,316

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

ทวยตานุปัสสนาสูตร

(ว่าด้วยการพิจารณาเห็นธรรมเนืองๆ )

จาก...[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๖๗๒

(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๖๗๒

ทวยตานุปัสสนาสูตร

(ว่าด้วยการพิจารณาเห็นธรรมเนืองๆ )

[๔๐๖] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็นธรรมเป็น

ธรรม ๒ อย่างเนืองๆ โดยชอบ จะพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นบ้างไหม พึงตอบเขาว่า

พึงมี. ถ้าเขาถามว่าพึงมีอย่างไรเล่า. พึงตอบเขาว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อิฏฐารมณ์

ที่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์

เทวดา และมนุษย์เล็งเห็นว่า เป็นสุข พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วย

ปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงว่า นั่นเป็นทุกข์นี้เป็นข้อที่ ๑. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

นิพพานที่โลกพร้อมทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณ-

พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เล็งเห็นว่า นี้เป็นทุกข์ พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วย

ดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นั้นเป็นสุข นี้เป็นข้อที่ ๒. ดูกร ภิกษุ

ทั้งหลายภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนืองๆ อย่างนี้ไม่ประมาท

มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คืออรหัตตผล

ในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้วจึงได้ตรัส

คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และ

ธรรมารมณ์ล้วนน่าปรารถนา น่าใคร่ น่า-

พอใจ มีประมาณเท่าใด โลกกล่าวว่ามีอยู่

อารมณ์ ๖ อย่างเหล่านี้ โลกพร้อมทั้งเทวโลก

สมมติกันว่าเป็นสุข แต่ว่าธรรมเป็นที่ดับ

อารมณ์ ๖ อย่างนี้ ชนเหล่านั้นสมมติกันว่า

เป็นทุกข์

ความดับแต่งเบญจขันธ์ พระอริย-

เจ้าทั้งหลายเห็นว่าเป็นสุข ความเห็นขัดแย้ง

กันกับโลกทั้งปวงนี้ย่อมมีแก่บัณฑิตทั้งหลาย

ผู้เห็นอยู่

ชนเหล่าอื่น กล่าววัตถุกามใด โดย

ความเป็นสุข พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าววัตถุ

กามนั้นโดยความเป็นทุกข์

ชนเหล่าอื่นกล่าวนิพพานใดโดย

ความเป็นทุกข์ พระอริยเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้ง

กล่าวนิพพานนั้นโดยความเป็นสุข ท่านจง

พิจารณาธรรมที่รู้ได้ยากที่ชนพาลทั้งหลาย

ไม่รู้แจ้ง พากันลุ่มหลงอยู่ในโลกนี้

ความมืดตื้อย่อมมีแก่ชนพาลทั้งหลาย

ผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว ผู้ไม่เห็นอยู่ ส่วน

นิพพาน เป็นธรรมชาติเปิดเผยแก่สัตบุรุษ

ผู้เห็นอยู่ เหมือนอย่างแสงสว่าง ฉะนั้น

ชนทั้งหลายเป็นผู้ค้นคว้า ไม่ฉลาด

ต่อธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานที่มีอยู่ในที่

ใกล้

ชนทั้งหลายผู้ถูกภวราคะครองงำ

แล้ว แล่นไปตามกระแสภวตัณหา ผู้เข้าถึง

วัฏฏะอันเป็นบ่วงแห่งมารเนืองๆ ไม่ตรัสรู้

ธรรมนี้ได้โดยง่าย

นอกจากพระอริยเจ้าทั้งหลาย ใคร

หนอ ย่อมควรจะรู้บท คือ นิพพานที่พระ-

อริยเจ้าทั้งหลายตรัสรู้ดีแล้ว พระอริยเจ้า

ทั้งหลายเป็นผู้ไม่มีอาสวะเพราะรู้โดยชอบ

ย่อมปรินิพพาน.

[๔๐๗] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้วภิกษุเหล่านั้นมีใจชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็และเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของภิกษุประมาณ ๖๐ รูป หลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น ดังนี้แล.

จบทวยตานุปัสสนาสูตรที่ ๑๒.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากอรรถกถาได้ที่นี่

อรรถกถา ทวยตานุปัสสนาสูตร [ขุททกนิกาย สุตตนิบาต]

...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ทวยตานุปัสสนาสูตร

(ว่าด้วยการพิจารณาเห็นธรรมเนืองๆ )

เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ที่บุพพาราม ปราสาทของนางวิสาขามิคาร

มารดา พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย โดยที่พระองค์ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย

ว่า ถ้ามีผู้มาถามว่าจะมีประโยชน์อะไร เพื่อการฟังกุศลธรรมอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออก

ไป อันให้ถึงปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู ก็ควรตอบว่า เพื่อรู้ธรรม ๒ อย่าง เมื่อถูกถามอีก

ว่า ธรรม ๒ อย่างคืออะไร ก็ควรที่จะได้ตอบว่าธรรม ๒ อย่าง ได้แก่ การพิจารณาเห็นธรรม

เป็นธรรม ๒ อย่าง (โดยการสนทนาที่มูลนิธิฯ ครั้งนี้ นำมาศึกษาในคู่ที่ ๑๖ หรือวาระที่

๑๖ ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย) ดังนี้ คือ

คู่ที่ ๑๖ -ชาวโลกเห็นอารมณ์ที่น่าปรารถนา ว่า เป็นสุข แต่พระอริยเจ้า

ทั้งหลายผู้เห็นชอบด้วยปัญญาเห็นว่าอารมณ์ที่น่าปรารถนานั้น

เป็นทุกข์

-ชาวโลกเห็นพระนิพพาน ว่า เป็นทุกข์ แต่พระอริยเจ้าทั้งหลาย

ผู้เห็นชอบด้วยปัญญา เห็นว่า พระนิพพาน เป็นสุข

[ตามข้อความในพระสูตร]

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

สังสารวัฏฏ์...ขณะนี้หรือเปล่า

ผู้นำพาสัตว์ออกจากสังสารวัฏฏ์

นาม รูป เท็จหรือไม่เท็จ จริงหรือไม่จริง?

อิฏฐารมณ์

กามคุณทำไมมี 5 ไม่นับธรรมารมณ์ด้วยครับ?

โมหะ และ อวิชชา

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 14 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 15 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natural
วันที่ 15 มิ.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tusaneenui
วันที่ 19 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nongnooch
วันที่ 21 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ