ก่อนจะได้บุพเพนิวาสานุสติญาน จะต้องได้ญานอื่นก่อนหรือไม่ครับ
หรือว่า ไม่ต้องลำดับครับ ยกตัวอย่างเช่น จะเป็นพระอนาคามี ก็จะต้องมีลำดับคือ เป็นโสดาบันก่อน แล้วเป็นสกทาคามี แล้วค่อยเป็นอนาคามี เป็นต้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ปัญญา ความรู้ที่ทำให้สามารถย้อนระลึกชาติได้ว่า เคยเกิดเป็นใครในชาติไหน แต่ละชาตินั้นได้ทำอะไรมาบ้าง มีญาติ พี่น้อง ตระกูล อาชีพเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่ง การจะได้ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็จะต้องอบรมสมถ- ภาวนา ที่ได้รูปฌาน และ อรูปฌาน ก็จะต้องเป็นลำดับขั้นของการเจริญสมถภาวนา เช่นกัน คือ ได้ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุถฌาน และ เจริญ อรูปฌาน 4 ต่อเป็นลำดับขั้น จนได้ฌานที่ 8 โดยเจริญเป็นลำดับจากฌานที่ 1 เมื่อถึงฌานที่ 8 แล้ว ก็อบรมอย่างคล่องแคล่ว มีกำลัง จนสามารถระลึกชาติได้ เป็นปัญญา ที่เรียก ว่า ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แต่ เป็นปัญญาที่เป็นโลกิยะ คือ ยังไม่พ้นจากโลก ยัง ไม่สามารถดับกิเลสได้ ครับ จึงกล่าวสรุปได้ว่า การได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็ต้อง อบรมปัญญาเป็นไปตามลำดับ แต่เป็นปัญญา ที่เป็นไปในระดับสมถภาวนาไม่ใช่ วิปัสสนา ซึ่งไม่สามารถดับกิเลสได้ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
แสดงว่า บุพเพนิวาสานุสติญาณไม่ได้ ลำดับ กับ เจโตปริยญาณ สิครับ ถ้างั้นบางคน อาจได้บุพเพ ก่อนก็ได้ บางคน อาจได้เจโต ก่อนก็ได้ หรือบางคน ได้พร้อมกันทั้งสองอย่างก็ได้ ขอให้อาจารย์ ช่วยวิเคราะห์ ให้ด้วยครับ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
แล้วแต่การสะสมครับ เมื่อได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ไม่จำเป็นจะต้องได้ เจโตปริย ญาณก็ได้ ครับ เช่น ผู้ที่ได้ วิชชา 3 มีการระลึกชาติได้ แต่ไม่จำเป็นจะต้องได้ เจโต ปริยญาณ แต่ถ้าได้อภิญญา 5 หรือ 6 ที่สะสมมาที่จะได้ ก็ทำให้ได้เจโตปริยญาณ และ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ด้วย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงของธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการ ทั้งปวง ผู้ที่จะมีการระลึกชาติหนหลัง ที่เป็นปุพเพนิวาสานุสสติญาณนั้น ต้องมีเหตุ ไม่ใช่ไม่มีเหตุ เหตุดังกล่าวนั้นก็คือ จะต้องมีจิตพิเศษ จิตที่ยิ่ง ที่เป็นอภิญญาจิต จึงจะ ระลึกได้ หมายความว่า ผู้ที่มีปัญญาอบรม ความสงบของจิตจนถึงรูปฌานและอรูปฌาน คล่องแคล่วชำนาญ จึงระลึกชาติหนหลังได้ ถ้าไม่ได้อบรมเจริญความสงบของ จิตที่เป็นสมถภาวนาจนได้ฌานขั้นสูงสุด อย่างคล่องแคล่วชำนาญ ก็ไม่สามารถที่จะ เป็นอย่างนั้นได้เลย ครับ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะได้อบรมเจริญความสงบของจิตจนได้ฌานขั้นสูงสุด ก็ยังไม่พ้นไปจากทุกข์ ยังไม่พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้น หนทางที่จะ เป็นไปเพื่อดับทุกข์ดับกิเลส ทำให้พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ ก็คือ การอบรม เจริญปัญญารู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง ซึ่งจะขาดการฟังพระธรรม ศึกษา พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ได้เลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การจะระลึกชาติได้ จะต้องอบรมสมถภาวนาเป็นลำดับขั้น ค่ะ
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)