ครั้นชนะแล้ว ย่อมได้ความสุขดังนี้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มุนีนั้น กำจัดเสนาแล้วในธรรมทั้งปวง คือในรูปที่
เห็น ในเสียงที่ได้ยิน ในอารมณ์ที่ทราบ มุนีนั้น เป็น
ผู้ปลงภาระลงแล้ว พ้นขาดแล้ว
ไม่มีความกำหนด
ไม่เข้าไปยินดี
ไม่มีความปรารถนา
……………
ส่วนคนกล้าย่อมชนะได้ ครั้นชนะแล้ว
ย่อมได้ความสุขดังนี้
เมื่อใด มารเสนาทั้งหมด และกิเลสอันทำความเป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด
อันมุนีชนะ ไม่พ่ายแพ้ ทำลายเสีย กำจัดเสีย ทำให้ไม่สู้หน้าแล้ว มุนีนั้น
กำจัดเสนาในรูปที่เห็น ในเสียงที่ไม่ได้ยิน ในอารมณ์ที่ทราบ
ในอารมณ์ที่รู้แจ้งแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่ามุนีนั้น กำจัดเสนาแล้วในธรรมทั้งปวง
คือในรูปที่เห็น ในเสียงที่ได้ยิน ในอารมณ์ที่ทราบ
................
พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ละทิ้งส่วนแห่งกามเสีย
ย่อมถึงความสุข
ถ้าพึงปรารถนาความสุขทั้งปวง ก็พึงละกามทั้งปวงเสีย
..................
ไม่พึงสั่งสมกามทั้งหลาย
พึงเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย
ไม่มีความละโมบ
บุรุษผู้มีปัญญา เปรียบด้วยมหาสมุทร
ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความสุขของปุถุชน และ ผู้ไม่เห็นตามความเป็นสุข คือ ความสุขในกาม ความสุขใน
ความยินดี ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส แต่ ความสุขเหล่านี้ ผู้มีปัญญา
ย่อมเห็นว่าเป็นความทุกข์ เพราะ ตัวมันเองก็เกิดดับไม่เที่ยงและ สภาพธรรมเหล่านี้ ที่เป็น
กาม ก็เป็นที่ตั้งขงอความติดข้อง ยินดีพอใจ และ เป็นปัจจัยให้มีการทำบาป ทำอกุศลกรรม
เพราะ มีความติดข้องในกามเป็นเหตุ นำมาซึ่งทุกข์ในโลกนี้ และ ทุกข์ในโลกหน้า มีการเกิด
ในนรก เป็นต้น
พระอริยเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ หมดทุกข์ ถึงความสุข เพราะ หมดความยินดี ติดข้องใน
กาม อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อหมดเหตุแห่งทุกข์ ย่อมชนะกิเลสทั้งปวง ย่อมไม่ถึงการพ่าย
แพ้ต่อกิเลส และ ไม่ต้องมีการเกิดอีก ครับ
ขออนุโมทนาคุณหมอที่นำธรรมดีๆ มาให้อ่านกัน ครับ