เครื่องปิดกั้นมิให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  11 ก.ค. 2556
หมายเลข  23159
อ่าน  1,274

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเรียนถามว่า อะไร คือ เครื่องปิดกั้นมิให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง คะ และ เพราะเหตุใดจึงปิดกั้น ค่ะ ขณะกำลังตั้งใจอ่านข้อความธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ ก็คงมีเห็นมีคิด ฯลฯ ปิดกั้นการเข้าใจสภาพธรรมอย่างไรหรือไม่ พิจารณาอะไรได้ในขณะนั้นหรือไม่

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตและคุณงามความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เครื่องปิดกั้น ที่ไม่ให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ นิวรณ์๕ ที่เป็นสภาพธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า บั่นทอนปัญญา ไม่ยังปัญญาให้เกิด คือ ความติดข้อง กามฉันทะ พยาปาทะ ถีนะมิทธะ อุทัจจะ กุกุจจะ วิจิกิจฉา ล้วนแล้วแต่เป็นสภาพธรรมที่ปิดบัง ปิดกั้น ไม่ให้ปัญญาเกิด เมื่อสภาพธรรมที่เป็นนิวรณ์เกิดขึ้น

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 360

ธรรมชาติที่ชื่อว่า นิวรณ์ เพราะอรรถว่า ห้าม คือ ปิดกั้นจิตไว้ กามฉันท์ที่ถึงความเป็นนิวรณ์ ฆ่าด้วยอรหัตตมรรคได้ อนุสัยคือกามราคะที่ถึงความเป็นกามราคสังโยชน์ ฆ่าด้วยอนาคามิมรรคได้. ถีนะ เป็นความขัดข้องทางจิต มิทธะ เป็นความขัดข้องของขันธ์ ๓ ถีนะ และมิทธะแม้ทั้งสอง ฆ่าด้วยอรหัตตมรรคได้ อุทธัจจะ ก็เหมือนกัน กุกกุจจะฆ่าด้วยอนาคามิมรรคได้ วิจิกิจฉา ฆ่าด้วยโสดาปัตติมรรคได้

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 221

ข้อความบางตอนจากอรรถกถา สัมปสาทนียสูตร บทว่า ปญฺาย ทุพฺพลีกรเณ ความว่า นิวรณ์ทั้งหลาย เมื่อบังเกิดขึ้น ย่อมไม่ให้เพื่อจะให้ปัญญาที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นได้ ทั้งไม่ยอมให้ปัญญาที่เกิดขึ้นแล้วเจริญได้ ฉะนั้น นิวรณ์เหล่านี้ ท่านจึงเรียกว่าเป็นเครื่องทำปัญญาให้ทรามกำลัง. และ ยังเป็นสภาพธรรมที่ไม่ให้ปัญญาเกิด ในขณะนั้นด้วย ครับ

อีกนัยหนึ่ง อวิชชา ความไม่รู้ที่เป็นสภาพธรรมที่น่ากลัว ดุจเหลวลึก และ เป็นสภาพธรรมที่เป็นรากเหง้าของอกุศลทั้งปวง อวิชชา ความไม่รู้ เป็นสภาพธรรมที่ปิดบังโลก ตามความเป็นจริง ดุจหลังคา หรือ หม้อที่ปิดของอยู่ข้างใน เพราะอวิชชาท่านเปรียบเหมือนความมืด มืดด้วยอวิชชา ไม่มีแสงสว่าง คือ ปัญญาเกิดขึ้นเลย ในขณะที่อวิชชาเกิด เพราะฉะนั้น อวิชชา จึงเป็นสภาพธรรมที่ปิดบัง ปิดกั้น ดั่งหลังคาที่ครอบของไว้ไม่ให้เห็นความจริง ขณะนี้ มีสภาพธรรมอยู่ แม้ปรากฎอยู่แต่ก็ไม่รู้ความจริง เพราะ โลกถูกปิดบังด้วยอวิชชา คือ เกิดอกุศล ความมไม่รู้เกิดขึ้น ก็ทำให้ไม่เห็นความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ครับ

แม้เครื่องเนิ่นช้า สามประการ ก็เป็นสภาพธรรมที่ปิดกั้น ไม่ให้ปัญญารู้ความจริงเช่นกัน คือ โลภะ ความติดข้อง มานะ ความสำคัญตน และ ทิฏฐิ ความเห็นผิด เพราะ เมื่อติดข้อง ย่อมไม่เห็นอรรถ ไม่เห็นความจริง เพราะ โลภะฉาบทาโลกเอาไว้ ไม่ให้รู้ความจริง ขณะที่มานะ ก็สำคัญตน ลืมการรู้ความจริงในขณะนี้ และ ทิฏฐิ ที่เป็นความเห็นผิด ย่อมทำให้ดำเนินทางผิด ย่อมปิดกั้นทั้งฝ่ายกุศล ดำเนินไปทางอกุศล ปิดกั้น สวรรค์ มรรค ผล นิพพานและ การรู้ความจริง ครับ

รวมความได้ว่า อกุศลทุกประเภท ปิดกั้นความจริง แต่ ที่รายแรงที่สุดคือ อวิชชา ความไม่รู้ ที่เป็นเครื่อปิดกั้นความจริง และ เป็นเหตุให้กิเลสอื่นๆ เกิดขึ้ยปิดกั้นความจริงในขณะนี้

ธรรมที่ทำลายเครื่องปิดกั้น คือ ความดีประการต่างๆ ที่เกิดพร้อมปัญญาอันอาศัย การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ปัญญาท่านเปรียบเหมือนศาสตราที่จะทำลายเครื่องปิดกั้น คือ อวิชชา ที่กำลังมีในขณะนี้ เปิดเผยความจริงที่มีอยู่ข้างใน คือ ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลัง เพื่อเกิดความเข้าใจปัญญาว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกขณะ มีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด ไม่เคยว่างเว้น ไม่มีขณะไหนเลยที่ไม่ใช่สภาพธรรม ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย คิดนึก ขณะกุศลจิตเกิด ขณะกุศลจิตเกิด เป็นต้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจแล้ว แม้มีธรรมอยู่ ก็ไม่รู้ในความเป็นจริงของธรรม และ จะเป็นผู้ไม่รู้ต่อไปในสังสารวัฏฏ์ เพราะไม่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ชีวิตประจำวันจึงเป็นไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ สะสมพอกพูนแต่อกุศลธรรม โดยที่ไม่รู้ตัว โดยที่ไม่เห็นโทษเห็นภัยเลยว่าน่ากลัวเพียงใด เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่มีจริงทั้งหมดจึงควรที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น ขณะที่เข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็ย่อมไม่ถูกปกปิดด้วยอวิชชาและอกุศลธรรมทั้งหลายเพราะอกุศลธรรมทั้งหลายนี้เองที่ทำให้ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ดังนั้น หนทางที่จะเป็นไปเพื่อทำลายสิ่งที่ปกปิดไม่ให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญา เท่านั้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 13 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.ค. 2556

อวิชชาทั้งหมด เป็นธรรมที่ปิดกั้น ไม่ให้รู้สัจจธรรม ความจริงของธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ หนทางที่จะรู้ธรรม คือ อบรมเจริญความรู้ คือ วิชชา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 15 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนากับ อจ.ผเดิม อจ.คำปั่น และทุกๆ ท่าน เป็นอย่างยิ่ง นะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ