สนทนาธรรม ณ แพรวอาภาเพลส ราชบุรี - พุทธศาสนา เป็น ธัมมะ ที่ดีที่สุด

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พุทธศาสนา เป็น ธัมมะ ที่ดี ที่สุด

ณ แพรวอาภาเพลส ราชบุรี อังคาร ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖

คุณจุฑามาศ ก็มีอีกคำถามนึงนะคะ ขอกราบเรียนถาม ท่านอาจารย์สุจินต์ พุทธศาสนา เป็น ธัมมะ ที่ดี ที่สุด ใช่หรือเปล่า ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ทำไมผู้คนถึงเคารพ เลื่อมใส และปฏิบัติ ตามแนวทางแห่งศาสนาของตนเองอย่างเคร่งครัด และยึดมั่นตามความเชื่อของตนเองอย่างมั่นคง คำถาม คือ ศาสนาทุกอย่างเป็นศาสนาที่ดีที่สุด ใช่ไหมคะ

ท่านอาจารย์สุจินต์ ก็ต้องเหมือนกันสิคะ ถ้าดีที่สุดเหมือนกัน แต่ว่าเพราะต่างกัน ต่างกันคือว่า ถ้าเราไม่ใช้ คำว่า ชื่อต่างๆ แต่ว่า ศาสนา คือ คำสอนของใคร ทำให้สามารถ เข้าใจ สิ่งที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริง มี ศาสนาเดียว หรือเปล่า หรือว่า ศาสนาอื่น ก็สอน ให้เรา เข้าใจ สิ่งที่มีจริง ในขณะนี้ เรื่องเห็น เรื่องโลภะ เรื่องโทสะ ว่า เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วก็ดับไป มีคำสอนอย่างนี้ ในศาสนาอื่น หรือเปล่า ก็แสดงให้เห็นว่า ศาสดา คือ ผู้สอน เพราะฉะนั้น คำสอน ของ แต่ละศาสดา ก็เป็นคำสอน ของ ศาสดานั้นๆ เพราะฉะนั้น ที่ใช้คำว่า พุทธศาสนา เป็น ศาสนา ที่สอนให้ มี ความเข้าใจถูกเห็นถูก ในสิ่งที่มีจริงๆ โดยละเอียดยิ่ง โดยลึกซึ้งยิ่ง ซึ่งสามารถ ที่จะ เข้าใจใน สิ่งที่ได้ฟัง ว่า เป็นความจริง อย่างนั้น หรือเปล่า ไม่ได้ มีการบังคับ ให้เชื่อ แต่ พูดความจริง

สำหรับผู้ที่ได้ฟัง จะไตร่ตรอง ที่จะ รู้ว่า สิ่งนั้น จริง หรือเปล่า เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้ว คงจะได้เคยได้ยิน คำว่า มงคล ๓๘ แล้วก็ มงคล ๑ ก็คือว่า ได้เกิดในประเทศ ที่สมควร ที่ มีคำสอน หรือ การที่จะทำให้ ปัญญา เกิดขึ้น รู้ ความจริง แล้วก็ ต้องเป็น ผู้ที่ตั้งจิตไว้ชอบ ด้วย หมายความว่า เป็นผู้ที่รู้ว่า ถูกคือถูก ผิดคือผิด แต่ถ้าใครก็ตาม ฟัง แล้วก็ไม่เข้าใจ เห็นสิ่งที่ผิดเป็นถูก แล้วก็อย่างนั้น ก็ไม่สามารถที่จะเป็นประโยชน์ หรือว่า ได้เกิดความเข้าใจเลย เพราะว่า ไม่ตรงตามความเป็นจริง ที่ใช้คำว่า ความจริง ไม่ใช่ ความจริงของใคร แต่ ความจริง ของ สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้

เพราะฉะนั้น คำสอนใดก็ตามที่ทำให้สามารถเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง คำสอนนั้น คือ พระพุทธศาสนา เพราะเหตุว่า สอน เรื่อง สิ่งที่มี ในขณะนี้ ให้เข้าใจ ถูกต้อง ว่า สิ่งที่มีจริง แล้วก็เป็นอนัตตา ไม่ใช่ของใคร ดับแล้ว เมื่อกี้นี้ ทั้งหมด ใครอยู่ไหน เมื่อกี้นี้ เมื่อกี้นี้เป็นเราได้ยิน เป็นเราเห็น เป็นเราคิด แต่หมดแล้วค่ะ ไม่เหลือเลย และเดี๋ยวนี้ก็กำลังเป็น เราเห็น เราได้ยิน เราคิด แล้วก็หมดอีกแล้ว เพราะฉะนั้น จะไม่เหลือ ความเป็นเรา หรือว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ยังคงเหลืออยู่เลย แม้แต่ การเกิดขึ้น อยู่ในโลกนี้ น่ะค่ะ ชั่วคราว แล้วก็จากไป แน่ๆ ไม่มี ใครอยู่ได้ ตลอดไป แล้ว การที่อยู่ ในโลกนี้ เพียงชั่วคราว ทำอะไรบ้างคะ เป็นสิ่ง ที่ดี ที่เป็นประโยชน์ หรือว่า ทำสิ่งซึ่งร้ายเลว ไม่เป็นประโยชน์เลย นี่ก็เป็น สิ่งที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะมีการกระทำใดๆ แม้แต่การพูด การคิด ทั้งหมด เป็น สิ่งที่มีจริง แสดงโดยความจริง ว่า สิ่งนั้นเกิด เพราะอะไร

เพราะฉะนั้น เวลาที่มาสู่โลกนี้ ชั่วคราว เหมือนมาเที่ยว แล้วแต่ว่า จะไปเที่ยวที่ไหน สะดุดอะไรหกล้ม มีสุขมีทุกข์ยังไง ชั่วคราว แล้วก็จากโลกนี้ไป แล้วลืมหมด เพราะฉะนั้น สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ในโลกนี้ แล้วก็ไม่ได้ทำให้เกิด ปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง ในสิ่งที่มีจริง ก็เกิดมา ไร้สาระ เพราะเหตุว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเกิด แล้วก็ดับไป ในความมืดสนิท ในความไม่รู้เลยว่า อะไรเป็นอะไร แต่ว่า ถ้ามีผู้ที่สามารถ ที่จะให้ได้เกิด ความเห็นที่ถูกต้อง ก็เป็นการจากโลกนี้ไป ด้วยความเห็นความถูกต้อง ซึ่งจะสะสมต่อไปได้ มีข้อความ ในพระไตรปิฎก “อริยทรัพย์” ทุกคนที่ต้องการทรัพย์ เพราะเหตุว่า ทรัพย์นำมาซึ่งความปลื้มใจสามารถที่จะ ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ใช่ไหม

ถ้ามีเงินทองมากๆ ซื้อหาอะไรก็ได้ แต่ว่า เป็นคนจน ในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุว่า ไม่มีทรัพย์ ที่สามารถ ที่จะทำให้ เกิด ปัญญา ได้ เอาทรัพย์มหาศาล ไปซื้อ ปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ว่า ขณะใด ก็ตาม ที่มี ศรัทธา สภาพธัมมะ ที่ผ่องใส ไม่เป็นอกุศล แล้วก็ ได้ยินได้ฟังพระธรรม แล้วก็มีความเข้าใจขึ้น อันนั้น ก็จะเป็น ทางที่นำไปสู่ ความเห็นที่ถูกต้อง ยิ่งขึ้นเพราะว่า จากโลกก่อน มาสู่โลกนี้นะคะ ด้วยความไม่รู้ แล้วก็ยังคง ไม่รู้ ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น ก็จากโลกนี้ ไปโลกต่อไป ด้วยความไม่รู้ยิ่งขึ้น เพราะว่า เพิ่มเติม การเห็น การได้ยิน สุขทุกข์มากมาย ด้วยความไม่รู้เลย แล้วก็ชีวิต ก็เป็นอย่างนี้ ไปทุกชาติ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ค่ะ ว่า คำสอนใด เป็น คำสอน ที่ทำให้สามารถ เข้าใจถูก เห็นถูกควรไหม ที่จะรู้ว่า คำสอนนั้น ประเสริฐ ยิ่งกว่า คำสอนอื่น

คุณจรัญ ฉลวยศรีเมือง (ผู้ดำเนินรายการ) กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ มาก ครับ