เราชาวพุทธศาสนิกชน ควรปฎิบัติตนอย่างไร

 
fouron
วันที่  16 ก.ค. 2556
หมายเลข  23191
อ่าน  2,895

เมื่ิอเกิดปัญหาเกี่ยวกับการผิด พระธรรมวินัย ของพระสงฆ์ดังเหตุการณ์ที่พบเห็น

ได้ในปัจจุบัน เราควรที่จะปฎิบัติตนอย่างไร จึงจะมีความเหมาะสมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเหมาะสม สมควรที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ใคร บุคคลใด ยุคสมัยใด คือ กุศลธรรม

ความดีงามที่เกิดขึ้นในจิตใจ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น

ก็ไม่พ้นจากทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ที่เป็นการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส

รู้กระทบสัมผัส และ คิดนึก เป็นเรื่องราวต่างๆ มีการปรุงแต่ง ตามการสะสม

ของแต่ละบุคคล ดังนั้น ขณะใดที่เป็นอกุศลจิต ย่อมไม่เหมาะสม ไม่สมควร เพราะ

พระพุทธเจ้า ไม่ทรงสรรเสริญ แต่ ทรงติเตียน ในสภาพธรรมที่เป็นอกุศล ทั้งปวง

แม้เหตุการณ์นั้น จะดี หรือ ไม่ดีอย่างไร แต่โทษเกิดขึ้นในใจ เป็นอกุศล ไม่สมควร

เพราะฉะนั้น ในความเป็นจริง โทษไม่ได้อยู่ที่ สิ่งที่เห็น ได้ยิน แต่ โทษ อกุศล

เกิดจากกิเลสที่ไม่ดี ที่สะสมอยู่ในจิตใจของตนเองเป็นสำคัญ แต่ ขณะใดที่กุศลจิต

เกิด ขณะนั้น ถูกต้อง สมควร เพราะ เป็นธรรมที่ไม่มีโทษ นำมาซึ่งความสุข ครับ

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจำวัน คงไม่ต้องมองไปไกล ถึง เหตุการณ์

ที่กำลังมีข่าว แม้แต่ในขณะนี้ ก็สามารถเกิดความไม่สมควร คือ อกุศลจิตที่ไม่ดี

ในจิตใจได้ และ หากว่า เมื่อพบเหตุการณ์ใดก็ตาม แม้แต่ ที่สมมติว่าเป็นการทำผิด

ของพระภิกษุ หากจิตเป็นอกุศล เพ่งโทษด้วยอกุศล ขณะนั้น ก็ยอมไม่สมควร

พราะ ไม่เหมาะสมในใจของตนเอง ที่ไม่เหมาะสมแล้วครับ โทษไม่ได้อยู่ที่ใคร

อยู่ที่ใจของตนเองในขณะนั้น

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าโลกจะเป็นอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของโลกภายนอก ซึ่งโลกภาย

นอก ไม่สามารถที่จะมีประโยชน์ ทำให้ละกิเลสของตนเองได้ ดังนั้น เหตุกาณ์ที่

เกิดขึ้นภายนอก จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี ที่จะพิจารณาโลกภายใน อันเป็นโลกที่

สำคัญ ที่จะพิจารณาเห็นโทษของอกุศลของตนเอง ว่าสามารถเกิดได้เป็นธรรมดา

ไม่ว่ากับใคร เพราะ ตราบใดที่มีกิเลส เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็สามารถเกิดขึ้นได้

จึงควรเห็นอกุศลของคนอื่นเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ครับ

และ เข้าใจในความไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรมที่เป็นไป ที่เป็นอกุศลจิตทีเกิดขึ้น

จึงมีการกระทำทางกาย วาจา ที่ไม่ดีเป็นธรรมดา จึงไม่โทษใคร ติเตียนใคร เพราะ

ไม่มีใครให้ติเตียน มีแต่ธรรม การอยู่ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ ด้วยปัญญา ย่อม

เหมาะสม สมควร เพราะ อยู่ด้วยกุศลจิตเป็นสำคัญ พร้อมๆ กับการทำกิจหน้าที่ ของ

ตนเองเป็นสำคัญต่อไป คือ ทำดี และ ศึกษาพระธรรม นี่คือ การวางตัวให้เหมาะสม

กับ การเป็นพุทธบริษัทที่ดี ไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้น ครั

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พุทธศาสนิกชน ต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความ

เข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ และ น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม สิ่งที่ไม่ดี

ไม่ควรกระทำ ไม่ว่าจะเป็นไปในเรื่องใดๆ ก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะทำให้เป็น

พุทธศาสนิกชนที่ดี ก็คือ ความเข้าใจพระธรรม

สำหรับประเด็นที่กล่าวถึง ควรที่จะได้พิจารณาว่า เป็นปกติธรรมดาของผู้ที่

ยังมีกิเลสอยู่ ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้ ความประพฤติเป็นไปก็ย่อมมีส่วน

ที่ไม่ดีอยู่บ้าง คล้อยไปตามอำนาจของกิเลส ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดก็ตาม อกุศล

ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปมากในแต่ละวัน แต่สำหรับผู้ที่ถือเพศเป็นภิกษุ ปฏิญาณตนว่า

เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็จะต้องมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม น้อม

ประพฤติตามพระธรรม และ พระวินัยบัญญัติซึ่งเป็นสิกขาบทต่างๆ ก็ควรที่จะ

ศึกษาด้วย ซึ่งเมื่อได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมจะเกื้อกูลให้ได้ประพฤติใน

สิ่งที่ถูกต้อง งดเว้นในสิ่งที่ผิด

แต่ละคน ก็มีการสะสมมาแตกต่างกัน พระภิกษุที่ท่านไม่น้อมประพฤติตาม

พระธรรมวินัย ก็เป็นเรื่องของแต่ละท่านจริงๆ เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่มี

สัตว์ บุคคล ตัวตน เมื่อท่านไม่น้อมประพฤติตามพระธรรม ประพฤติ ไม่เหมาะสม

กับความเป็นผู้ได้สละอาคารบ้านเรือน มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง ก็เป็นเรื่องของท่าน เป็นไป

ตามการสะสมของท่าน พระภิกษุท่านกระทำผิดแล้ว คฤหัสถ์ จะตกนรก เพราะการ

กระทำผิดของท่าน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความผิด ไม่ได้อยู่ที่คฤหัสถ์ แต่อยู่

ที่ตัวท่านเอง พระภิกษุผู้ประพฤติล่วงพระวินัยบัญญัติ ต้องอาบัติข้อต่างๆ ย่อมมี

โทษ ถ้าหากว่าไม่กระทำคืนหรือแก้ไขให้ถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย จะเป็นเครื่อง

กั้น การบรรลุ มรรค ผลนิพพาน และ กั้นการไปสู่สุคติภูมิด้วย ถ้าหากว่ามรณภาพ

ลงในขณะที่ยังมีอาบัติอยู่ ย่อมมีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเท่านั้น ซึ่งย่อมจะ

ปรากฏด้วยกรรมของตนเองจริงๆ

เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น ก็ย้อนกลับมาที่กิจที่ควรทำ

สำหรับตนเอง นั่นก็คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ สะสมความเข้าใจถูก

เห็นถูกไปตามลำดับ ซึ่งเมื่อเข้าใจอย่างถูกแล้ว ก็สามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจถูก

เห็นถูกด้วย ตามกำลังความเข้าใจของแต่ละคน ต่างคนต่างก็ช่วยกันรักษา

พระพุทธศาสนาด้วยการตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 16 ก.ค. 2556

เราเป็นอุบาสก อุบาสิกาควรประพฤติตามธรรม พระที่บวชแล้วไม่รักษา

วินัย ก็เสื่อมไปตามกาลเวลา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 16 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 17 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
fouron
วันที่ 18 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ