ฟังเพื่อเข้าใจถูกว่า ไม่ใช่เรา
ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง ที่กำลังปรากฏเป็นธรรม เห็นมีจริง สิ่งที่ปรากฏกับเห็นก็มีจริง คิดมีจริง จิตเห็น และจิตที่คิดเป็นนามธรรมสามารถรู้อารมณ์ได้ ถ้าไม่มีจิต อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏ ความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้น ขจัดความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ หนทางเดียวที่จะดับกิเลสได้หมดเป็นสมุจเฉท ก็ด้วยหนทางที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว และคิดนึก ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรม แล้วจะเอาเราไปใส่ไว้ที่ไหน เข้าใจถูกเห็นถูกในอะไร เข้าใจสิ่งที่กำลังมี ไม่ใช่ไม่มี แต่เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจ สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสีที่อยู่ที่มหาภูตรูป ไม่ใช่คน ไม่ใช่ดอกไม้ ฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละขณะให้เข้าใจ จนกว่าจะไม่มีคนในสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ เพราะเหตุว่า เห็นตามปกติในขณะนี้ก็เห็นดอกไม้ เห็นคน เห็นบุคคลต่างๆ สิ่งต่างๆ มากมาย แต่ตามความเป็นจริงเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น ขณะที่ฟัง ตั้งจิตไว้ชอบ ไม่ได้ฟังเพื่ออย่างอื่น ฟังคือฟังเพื่อเข้าใจ ฟังเรื่องสิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้กำลังมี ฟังเพื่อสักวันหนึ่งสามารถรู้ตามความเป็นจริงได้
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ให้ข้อคิดเตือนใจที่ดี เป็นประโยชน์มาก ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตา เป็นอย่างยิ่ง ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ฟังให้เข้าใจถูกว่าไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม ก็ต้องเริ่มจากจุดประสงค์การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ที่ศึกษาพระธรรมในแต่ละคำ ไม่ใช่เพื่อการจำชื่อ รู้ชื่อมากๆ แต่เพื่อเข้าใจความจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา และที่สำคัญที่สุด พระธรรมทุกคำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เป็นการแสดงถึงความเป็นอนัตตา ที่เป็นเพียงแต่สภาพธรรมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า พุทธบริษัท ย่อมที่จะศึกษาด้วยความแยบคาย ด้วยการเข้าใจถูกว่า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง กำลังแสดงถึงสิ่งที่มีจริงที่เป็นธรรม ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน การฟังด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้อง ย่อมจะถึงความไม่มีเราได้ในขณะที่สติปัฏฐานเกิดว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ในขณะนี้เอง
ขออนุโมทนา พี่เมตตา ครับ