กาม ในที่นี้ องค์ธรรม คืออะไรครับ

 
govit2553
วันที่  5 ส.ค. 2556
หมายเลข  23302
อ่าน  4,418

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุเกิดแห่งกามเป็นไฉน คือ ผัสสะเป็นเหตุเกิด แห่งกามทั้งหลาย ก็ความต่างกันแห่งกามเป็นไฉน คือกามในรูปเป็นอย่างหนึ่ง กามในเสียงเป็นอย่างหนึ่ง กามในกลิ่นเป็นอย่างหนึ่ง กามในรสเป็นอย่างหนึ่ง กามในโผฏฐัพพะเป็นอย่างหนึ่ง นี้เรียกว่าความต่างกันแห่งกาม วิบากแห่งกาม เป็นไฉน คือ การที่บุคคลผู้ใคร่อยู่ ย่อมยังอัตภาพที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้นๆ ให้เกิดขึ้น เป็นส่วนบุญหรือเป็นส่วนมิใช่บุญ นี้เรียกว่าวิบากแห่งกาม ความดับ แห่งกามเป็นไฉน คือ ความดับแห่งกามเพราะผัสสะดับ อริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมา- * กัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เป็นปฏิปทาให้ ถึงความดับแห่งกาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใด อริยสาวกย่อมทราบชัดกาม เหตุเกิดแห่งกาม ความต่างแห่งกาม วิบากแห่งกาม ความดับแห่งกาม ปฏิปทา ให้ถึงความดับแห่งกาม อย่างนี้ๆ เมื่อนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมทราบชัดพรหมจรรย์ อันเป็นไปในส่วนแห่งการชำแรกกิเลส เป็นที่ดับแห่งกาม ข้อที่เรากล่าวว่า ดูกร- * ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงทราบกาม ฯลฯ ปฏิปทาให้ถึงความดับแห่งกาม ดังนี้นั้น เราอาศัยข้อนี้กล่าว ฯ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ส่วนคำว่า กาม ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจคำว่ากาม ก่อนครับว่าคืออะไร กาม ชื่อว่า “กาม” เพราะอรรถว่า อันสัตว์ใคร่ กามมี ๒ อย่างคือ กิเลสกาม ๑ วัตถุกาม ๑ กิเลสกาม ได้แก่ ฉันทราคะ คือ โลภเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ยินดี พอใจติดข้องในอารมณ์ วัตถุกาม คือ สภาพธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความยินดี ความพอใจความปรารถนา

ฉะนั้น วัตถุกาม ได้แก่ วัฏฏะ ซึ่งเป็นไปในภูมิทั้ง ๓ คือ ทั้งกามภูมิ รูปภูมิ และ อรูปภูมิ เพราะไม่พ้นจากการเป็นวัตถุที่ยินดีพอใจของกิเลสกาม ตราบใดที่ยังดับโลภะไม่ได้ ก็ยังมีวัตถุกาม คือ สภาพธรรมซึ่งเป็นที่ยินดี พอใจของกิเลสกาม ซึ่งได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่น่าพอใจ เป็นต้น ซึ่ง ข้อความในพระไตรปิฎกที่ยกมานั้น มุ่งหมายถึง กาม ที่เป็นกิเลสกาม ที่เป็นโลภะ ก็ชื่อว่า เป็นกาม ในที่นี้ ครับ

เชิญคลิกฟังธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์สุจินต์ที่นี่ ครับ

กาม - กิเลสกาม - วัตถุกาม

วัตถุกาม - กิเลสกาม - กับการรู้จักตนเอง

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

กิเลสกาม - วัตถุกาม

กามเป็นอันมาก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กาม มี ๒ ความหมาย ทั้งเป็นที่ตั้งแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความติดข้องยินดี พอใจ วัตถุกาม กับ สภาพธรรมที่ติดข้องยินดีพอใจ ที่เป็น โลภะ ขึ้นอยู่กับในแต่ละ แห่งว่า ทรงมุ่งหมายถึงกาม ในนัยใด ทั้งหมด ก็ล้วนเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ในธรรมตามความเป็นจริง

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรม ตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้ พิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมทั้งหมด เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดขึ้นตามเหตุ ตามปัจจัยแล้วก็ดับ ไม่ยั่งยืน แม้แต่โลภะ ซึ่งเป็นความติดข้องยินดีพอใจก็เป็นสภาพ ธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นตามการสะสมมาของแต่ละบุคคล พอใจในรูปบ้าง พอใจใน เสียงบ้าง พอใจในกลิ่นบ้าง พอใจในรสบ้าง พอใจในสิ่งที่กระทบสัมผัสกายบ้าง เป็นต้น ชีวิตประจำวัน ยากที่จะพ้นไปจากโลภะได้ มีมากจริงๆ

โลภะ เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แล้วแต่ว่าจะเป็น โลภะที่ติดข้องยินดีพอใจในสิ่งที่ตนมี ที่ตนหามาได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยชอบธรรม ที่ไม่ทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อนโดยการกระทำทุจริต หรือจะเป็น โลภะที่มีกำลังกล้าจนกระทั่งสามารถที่จะล่วงออกมาเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ขณะที่กระกอบอกุศลกรรม ได้ชื่อว่า กระทำความพินาศ ให้แก่ตนเอง ด้วยการกระทำที่เป็นอกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุให้ตนเองได้รับผลที่ไม่ดี ในอนาคตข้างหน้า

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นความติดข้องในระดับใด ย่อมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งนั้น เพราะเป็นอกุศลธรรม อกุศลธรรม เป็นโทษ เป็นภัย ไม่นำประโยชน์สุขใดๆ มาให้เลยแม้แต่น้อย และในขณะที่จิตเป็นอกุศล ขณะนั้นไม่รู้ความจริง เพราะเป็นอกุศล มีโมหะ (ความไม่รู้) เกิดร่วมด้วย ทุกขณะที่จิตเป็นอกุศล จะมีโมหะเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง

บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อดทนที่จะศึกษา อดทนที่จะฟัง พระธรรมเท่านั้น จึงจะเห็นประโยชน์ของปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้วการที่จะลดละคลายกิเลส มีโลภะ เป็นต้นนั้นย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ก็จะเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้ระลึกถึงกิเลสของตนเอง โดยที่ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสเพราะเห็นโทษของกิเลส แล้วกิเลสทั้งหลายก็จะค่อยๆ คลายลงกุศลทั้งหลายก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นตามระดับขั้นของปัญญา

ดังนั้น การที่จะลดละคลายกิเลสอกุศล มีโลภะ เป็นต้น ได้ จึงมีหนทางเดียวเท่านั้น คือ อบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 5 ส.ค. 2556

กาม หมายถึง ความยินดีพอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส วนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น จนกว่าจะอบรมปัญญา บรรลุเป็นพระอรหันต์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nui_sudto55
วันที่ 11 ก.พ. 2567

กราบสาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ