หิตายะ สุขายะ

 
natural
วันที่  15 ส.ค. 2556
หมายเลข  23377
อ่าน  8,469

ขอเรียนรบกวนช่วยลิงค์คำว่า หิตายะ สุขายะ ในพระไตรปิฎก พบในบทสวด

ไม่ทราบว่ามีในพระไตรปิฏกหรือไม่ค่ะ และถ้าโอกาสหน้าต้องการหาคำบาลี

ในลักษณะนี้ด้วยตนเอง พอจะมีแหล่งสืบค้นบ้างหรือไม่คะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หิตายะ สุขายะ

มีในพระไตรปิฎก ครับ ซึ่งคำว่า หิตายะ หมายถึง เพื่อประโยชน์

สุขายะ เพื่อความสุข

ซึ่งทั้งสองคำนี้ มีความละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ดังนี้ ครับ

หิตายะ เพื่อประโยชน์ สุขายะ เพื่อความสุข ในพระไตรปิฎก แสดงถึง พระพุทธคุณ

คือ คุณของพระพุทธเจ้า ที่ทรงอุบัติขึ้นในโลก ทรงอุบัติขึ้น หิตายะ เพื่อประโยชน์

กับสัตว์ทั้งหลาย อุบัติขึ้นในโลก สุขายะ เพื่อความสุขของสัตว์โลก

ซึ่งขออธิบาย หิตายะ เพื่อประโยชน์ดังนี้ ครับ หิตายะ พระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นใน

โลกแล้ว ย่อมนำมาซึ่ง หิตายะ เพื่อประโยชน์ คือ ประโยชน์ในโลกนี้ ที่เป็นการเจริญ

ขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ อันเป็ปนระโยชน์ที่ประเสริฐ และเพื่อประโยชน์

คือ ให้เกิดปัญญา ความเห็นถูก ของสัตว์โลก อันอาศัยพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรง

แสดงพระองค์อุบัติขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกหน้า คือ ทำให้ผู้ที่ฟังธรรม เกิดจิต

เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ย่อมเกิด ในสุคติภูมิ ดังเช่น มัฎฐกุลฑลี ที่ก่อนตาย เกิดจิต

เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เมื่อได้เห็นพระองค์ ก็ทำให้เกิดในสุคติในสวรรค์ ทั้งๆ ที่

ชาตินั้นไม่ได้ทำกุศล นี่ก็เป็นการได้ประโยชน์ในโลกหน้า ที่เป็นหิตายะ อันอาศัย

พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นในโลกหน้า และ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ก็นำมาซึ่ง หิตายะ คือ

ประโยชน์สูงสุด ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คือ มรรคจิต ถึงการดับกิเลส และถึงพระ

นิพพาน ที่ทำให้ถึงการดับกิเลส อันเป็นประโยชน์ที่ประเสริฐสูงสุด ครับ

ดังนั้นอาศัยบุคคลที่เลิศ มีพระพุทธเจ้า ก็ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์ ที่เป็นหิตายะ

แก่ เทวดา และ มนุษย์ และสัตว์โลกทั้งหลาย ทั้งการเจริญขึ้นของกุศล และที่สำคัญ

เกิดความเห็นถูก เกิดปัญญา และ เป็นไปเพื่อเกิดในสุคติ และ จนถึงประโยชน์สูงสุด

คือ ดับทุกข์ ดับกิเลส ไม่ต้องเกิดอีก หมดทุกข์สิ้นเชิง เพราะอาศัย พระพุทธเจ้า ที่

ทรงแสดงธรรมไว้ดีแล้ว ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 588

อธิบายว่า เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงพระชนม์อยู่ เพื่อประโยชน์

เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแม้แก่สัตว์เหล่าอื่น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า

อตฺถาย ได้แก่ เพื่อประโยชน์แก่สมบัติ ในโลกนี้. บทว่า หิตาย ได้แก่

เพื่อประโยชน์เกื้อกูลอันเป็นเหตุแห่งสมบัติในโลกหน้า. บทว่า สุขาย ได้แก่

เพื่อประโยชน์แก่ความสุขในพระนิพพาน.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สุขายะ เพื่อความสุข คือ พระพุทธเจ้า เมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมนำมาซึ่ง ความสุข

ของ มนุษย์ เทวดา และ สัตว์โลกทั้งหลาย คือ นำมาตั้งแต่สุขเบื้องต้น และสุขสูงสุด

อันอาศัยพระพุทธเจ้า คือ เมื่อได้ฟังพระธรรม เกิดความเข้าใจ เห็นถูก ย่อมอาจหาญ

ร่าเริง ปิติ ปราโมทย์ ที่เข้าใจถูก ก็เป็นความสุขที่ได้จากการศึกษาพระธรรม ที่เข้าใจ

พระธรรม นี่คือ สุข สุขายะ ที่พระพุทธเจ้า ทรงอุบัติ เพื่อความสุข ในระดับต้น และ

เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมแล้ว กุศลต่างๆ ก็เจริญขึ้น ตามปัญญาที่เกิดจากการได้

ฟังธรรมจากพระพุพทธเจ้า ก็มีการทำกุศลประการต่างๆ นำมาซึ่งความสุขในโลก

หน้า คือ การเกิดในสุคติโลกสวรรค์ และ สุขายะ สูงสุด ตามที่พระไตรปิฎก และ พระ

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ สุข อันไม่อาศัยกิเลส สุขที่มีพระนิพพาน เป็น

อารมณ์ ที่เป็นผลจิต โดยสูงสุด คือ อรหัตตผล ที่เป็นการอยู่ด้วยความสุขโดยมี

พระนิพพานเป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ที่ดับกิเลสแล้ว พระพุทธเจ้า ย่อมนำมาซึ่ง

ความสุขอันสูงสุดนี้

จะเห็นนะครับว่า แม้แต่คำว่า หิตายะ สุขายะ คือ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข ก็มี

ความละเอียดลึกซึ้ง อันเป็นการแสดงถึงพระพุทธคุณ คุณของพระพุทธเจ้าตามความ

เป็นจริง

ข้อความที่แสดงโดยนัยสูงสุดว่า หิตายะ เพื่อประโยชน์

คือ มรรคจิต และ สุขายะ เพื่อความสุขคือ ผลสมาบัติ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔- หน้าที่ 519

ด้วยบทว่า หิตายะ มีอธิบายว่า เพื่อประโยชน์แก่มรรคที่จะให้สำเร็จพระนิพพานนั้น.

จริงอยู่ ขึ้นชื่อว่าประโยชน์เกื้อกุลที่จะยิ่งไปกว่ามรรคที่เป็นเหตุให้บรรลุพระนิพพาน

นั้น เป็นไม่มี. ด้วยบทว่า สุขาย มีพุทธาธิบายว่า เพื่อประโยชน์แก่ผลสมาบัติ

เพราะไม่มีความสุข (อื่น) ที่จะยิ่งไปกว่าผลสมาบัตินั้น.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ซึ่งขอยกข้อความในพระไตรปิฎก ในคำว่า หิตายะ สุขายะ ที่นำมาซึ่งปัญญาดังนี้ ครับ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 305

บทว่า พหุชนหิตาย แปลว่า เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก อธิบายว่า

(สัตว์นั้น) เป็นผู้ชี้แนะประโยชน์เกื้อกูลทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพด้วยความถึง

พร้อมแห่งปัญญา.

บทว่า พหุชนสุขาย แปลว่า เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนจำนวนมากอธิบายว่า

(สัตว์นั้น) เป็นผู้ให้สมบัติอันเป็นอุปกรณ์แห่งความสุข ด้วยความถึงพร้อมแห่งจาคะ

(การเสียสละ) .

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

และไม่ใช่เพียงเท่านั้น แม้ พระธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เป็น หิตายะ เพื่อ

ประโยชน์ และ สุขายะ เพื่อความสุข เพราะ ผู้ที่ได้ศึกษา ฟังพระธรรมเข้าใจ

ย่อมเกิดปัญญา ความเห็นถูก ย่อมได้รับประโยชน์ที่สมควร คือ ประโยชน์ คือความ

เข้าใจพระธรรม และ ถึงการดับกิเลส รวมทั้ง พระธรรมย่อมนำมาซึ่งความสุข ที่เป็น

ปิติที่เกิดจากความเข้าใจพระธรรม จากไม่รู้ เกิดความรู้ ย่อมเกิดสุขจากการเห็นตาม

ความเป็นจริง ซึ่งพระพุทธเจ้ทรงแสดงธรรมมีอริยสัจ 4 เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข

กับสัตว์โลก เพราะจะทำให้เกิดปัญญา ละกิเลสได้หมดสิ้น อันเป็นประโยชน์ และ

ความสุขอันสูงสุด ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 540

เอว อริยสจฺน ทุพฺโพธาน พุโธ วิธึ

อเนกเภทโต ชญฺา หิตาย จ สุขาย จ.

พระพุทธเจ้าทรงรู้วิธีของอริยสัจอย่างนี้ ที่รู้

ได้ยาก โดยประเภทไม่น้อย เพื่อประโยชน์และ

เพื่อความสุข ดังนี้.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สัตว์โลกย่อมปรารถนา ประโยชน์ ปรารถนา ความสุข แต่ ควรเข้าใความจริงว่า

ประโยชน์จริงๆ นั้น ย่อมเป็นประโยชน์ที่ไม่นำมาซึ่งความทุกข์ และ เป็นความสุข

อันอาศัยกุศลธรรม เช่นเดียวกับ ความสุข ที่เป็นความสุขที่จะไม่นำมาซึ่งความทุกข์

ไม่ใช่ความสุขที่อาศัยกิเลส ติดข้อง โลภะ เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ แต่ความสุข

ใด ไม่อาศัยกิเลส เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม มีปัญญา เป็นต้น อันเป็นความสุขที่จะทำ

ให้ละกิเลส อันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ย่อมเป็นความสุขที่ประเสริฐสูงสุด เพราะฉะนั้น

แม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานนานแล้ว แต่ พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์

หากจะหาความสุข จะได้ประโยชน์ ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่เป็น

ศาสดาแทนพระองค์ ย่อมได้ประโยชน์ทั้งในโลกนี้ คือ เกิด กุศลธรรม เกิดปัญญา

ประโยชน์ในโลกหน้า คือ เกิดในสุคติ และ ถึงมรรคจิต ดับกิเลส ถึงพระนิพพาน

อันเป็นประโยชน์สูงสุด และ ได้ความสุขที่ได้เข้าใจความจริง จนถึง สุขอย่างยิ่งที่

ไม่มีกิเลส ครับ หากจะปรารถนา ประโยชน์ และ ความสุข จึงไม่ต้องไปแสวงหา

ความสุข ประโยชน์จากสิ่งอื่น การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์

และ ความสุขที่ประเสริฐ แท้จริง ครับ ขออนุโมทนา

ส่วนการสืบค้น ภาษาบาลี และ คำในพระไตรปิฎก ก็สามารถสืบค้นจากโปรแกรม

พระไตรปิฎกได้ โดยสามารถขอรับได้ที่มูลนิธิ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๑๘๑

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์

เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมากเพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อเพื่อประโยชน์

เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเป็นไฉน? คือ

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แลเมื่อ

เกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย”

_________________________________

เพราะมีการอุบัติขึ้นของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จากที่สัตว์โลก

เป็นผู้มืดบอดด้วยอวิชชาความไม่รู้ ก็ค่อยๆ คลายจากความมืดบอดดังกล่าว พบแสง

เงินแสงทองของชีวิต ด้วยพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งกว่าที่พระองค์ได้ทรง

ตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมแต่ละคำๆ ซึ่งมีค่ามหาศาลเป็นอย่างยิ่งนั้น พระองค์

ต้องบำเพ็ญพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ ไม่ใช่เพื่อ

พระองค์เพียงพระองค์เดียว แต่เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้เข้าใจถูกเห็นถูก

ตามความเป็นจริงดับกิเลสอันเป็นเหตุให้ทุกข์ทั้งปวง ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จาก

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งมนุษย์ เทวดา และ พรหม

พระองค์จึงเป็นบุคคลที่อุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขของสัตว์

โลกอย่างแท้จริงจริง

แม้พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์

ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความตั้งใจ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จาก

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตามกำลังปัญญาของตนเอง ซึ่งเป็นการยากมากที่จะได้

ฟัง เพราะฉะนั้นแล้ว พระธรรมแต่ละคำ ซึ่งเกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์นั้น ควรค่า

แก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแสดงโดยบุคคลผู้ทรงตรัสรู้ความจริงที่ไม่มี

ใครเสมอเหมือน เมื่อเริ่มฟัง เริ่มศึกษา ความรู้ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไป

ตามลำดับ ซึ่งควรอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชน (ผู้ได้ชื่อว่า ชาวพุทธ ผู้นับถือพระพุทธ

ศาสนา) จะได้ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ด้วยความตั้งใจจริง ด้วยความ

ละเอียดรอบคอบ เพื่อเข้าใจธรรมตรงตามที่พระองค์ทรงแสดง เพราะชาวพุทธ ต้อง

เป็นผู้ได้ฟังพระธรรม และเข้าใจพระธรรมด้วย แม้จะไม่มีความรู้ในเรื่องของภาษา

บาลี ก็ศึกษาพระธรรมได้ เพราะพระไตรปิฎกแปลเป็นภาษาไทยแล้ว และการที่จะ

เข้าใจธรรม ก็เข้าใจได้ในภาษาของตนๆ นั่นเอง ขอเพียงมีความอดทน เห็นประโยชน์

มีความเพียรที่จะฟังที่จะศึกษาต่อไป นี้แหละ จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ

ความสุข ที่แท้จริง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 15 ส.ค. 2556

พระพุทธเจ้าอุบัติเพื่อแสดงธรรมให้คนที่สะสมปัญญามา ได้ฟังธรรมแล้วบรรลุ มรรค

ผล นิพพาน ทำให้ดับกิเลสหมด พ้นทุกข์ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 15 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natural
วันที่ 15 ส.ค. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 17 ส.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 18 ส.ค. 2556

ขอกราบอนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 22 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ