รักษาศีลแต่สามารถไปเกิดในนรกได้

 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่  21 ส.ค. 2556
หมายเลข  23415
อ่าน  2,028

ขอเรียนถามพระสูตรที่มีปริพาชกมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วถามพระพุทธเจ้าว่าเห็น

คนรักษาศีลไปเกิดในนรก และเห็นคนทุศีลไปเกิดในสรรค์ พระพุทธเจ้าไม่ตอบ

ปริพาชกจึงหลีกไป และพระอานนท์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยจึงถามพระพุทธเจ้าว่าพอรับฟัง

ได้ไหม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่ารับฟังได้ แล้วพระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงบุคคล 10 จำพวก

จึงอยากทราบว่าอยู่ในพระสูตรใดครับ

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 22 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงมากมายโดยละเอียด โดยประการ

ทั้งปวง เป็นเหตุเป็นผล

ตามความเป็นจริงแล้ว เหตุย่อมสมควรแก่ผล ผลที่เกิดขึ้นเป็นไปก็ย่อมสมควร

แก่เหตุที่ได้กระทำแล้ว ถ้ากรรมดีให้ผล ก็ให้ผลเป็นผลที่ดีที่น่าปรารถนาน่าใคร่ น่า

พอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม จะให้ผลที่ดีเกิดขึ้นไม่ได้เลย

ก็ต้องเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เท่านั้น

มีพระสูตร สูตรหนึ่ง คือ มหากัมมวิภังคสูตร แสดงถึงความละเอียดของการ

ให้ผลของกรรม เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ เพราะ

กรรมดีที่เขาทำไว้ในชาติก่อน ให้ผล ไม่ใช่เพราะการฆ่าสัตว์ แต่เป็นเพราะ

กุศลกรรมในอดีตถึงคราวให้ผล ส่วนผู้ที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการ

ลักทรัพย์ เป็นต้น ตายแล้วไปเกิดในนรก ไม่ใช่ไปเกิดในนรก เพราะการงดเว้น

จากการฆ่าสัตว์ เป็นต้น แต่ไปเกิดในนรก เพราะกรรมชั่วที่เคยทำไว้ในอดีต

ถึงคราวให้ผล นั่นเอง

ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก จริงๆ ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความโดยตรงมหากัมมวิภังคสูตร ได้ที่นี่ครับ

มหากัมมวิภังคสูตร [มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์]

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 23 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากพระสูตรที่ผู้ถาม ถามนั้น อยู่ในมหากัมมวิภังคสูตร เป็นสำคัญ ครับ ไม่ใช่

พระสูตรอื่น ซึ่งข้อความเป็นการที่ปริพาชกโปตลิบุตร มาสอบถามปัญหาธรรมกับท่าน

พระสมิทธิแต่ ท่านพระสมิทธิ ตอบปัญหาเพียงแง่มุมเดียว ซึ่งไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้า

จึงตรัสสนทนากับท่านพระอานนท์ แต่คราวนั้นท่านพระอุทายี มีความรู้ผิด กล่าวธรรม

ผิดขึ้นมา พระองค์ทรงติเตียน และทรงแสดงธรรม ในส่วนที่เป็นการสมาทาน กรรมที่

เป็นการประพฤติในการทำกุศลกรรม ที่เป็นการรักษาศีลว่า การรักษาศีลในชาตินี้ แต่

ผลที่เกิดในชาติหน้า ก็อาจเกิดในสุคติ หรือทุคติได้ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดมาก ซึ่งจะ

ขออธิบายประเด็นนี้ เพราะหากอ่านเองย่อมเข้าใจผิดได้ว่า กรรมดี คือ การรักษาศีล

ให้ผลชั่ว คือ เกิดในนรก และ การไม่รักษาศีล ให้ผลดี คือ การเกิดในสวรรค์ ครับ

ซึ่งจากพระสูตร ขอหยิบมาประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ ครับ

(๑) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป มักถือเอาสิ่งของที่

เจ้าของมิได้ให้ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูดส่อเสียด มักพูดคำหยาบ

มักเจรจาเพ้อเจ้อ มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิดอยู่ในโลกนี้ เขา

ตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก ก็มี.

- จากพระพุทธพจน์นี้ ก็ดูจะเข้าใจได้ ที่คนทำบาป ล่วงศีล ก็ตายไป ไปเกิดใน

นรก แต่ความละเอียดที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น มีความละเอียดมากกว่านั้นมาก คือ

คนที่ล่วงศีลในชาตินี้ และ เมื่อใกล้ตาย ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นกรรมที่มักล่วง

ศีลในชาตินี้ให้ผล ทำให้เกิดในนรก แต่อาจเป็นกรรมอื่นคือ อกุศลกรรมที่เคยทำอื่นๆ

ในอดีตชาติที่นับไม่ได้ให้ผล ทำให้เกิดในนรก โดยไม่ได้เป็นการสรุปตายตัวลงไปเลย

ว่า ผู้ที่ล่วงศีลในชาตินี้บ่อย ตายไปจะต้องไปเกิดในนรก ทุคติ เพราะ นั่นเป็นความเห็น

ผิด เป็นการเข้าใจกรรมเพียงแง่เดียว แต่ไม่ใช่ตามชื่อพระสูตรที่ว่า มหากัมมวิภังคสูตร

ครับที่มีความละเอียดของกรรม ที่เป็น มหายิ่งใหญ่ ดังนั้น กรรม ที่เป็นอกุศลกรรมใด

กรรมหนึ่งให้ผลก็ได้ ครับ

------------------------------------------------------

(๒) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป มักถือเอาสิ่ง

ของที่เจ้าของมิได้ให้ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูดส่อเสียด มักพูดคำ

หยาบ มักเจรจาเพ้อเจ้อ มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิดอยู่ในโลก

นี้ เขาตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็มี.

- หากไม่ศึกษาโดยแยบคายได้อ่านข้อความนี้ ย่อมเข้าใจขัดกับหลักของผลของ

กรรมที่ทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ข้อความนี้แสดงว่า ผู้ที่รักษาศีล งดเว้นจากบาป

เมื่อตายไป ย่อมเกิดในนรก เป็นต้น เหมือนทำดีได้ชั่ว แต่ต้องเข้าใจว่า สัตว์โลกมี

การทำกรรมมามากมาย นับชาติไม่ถ้วน ดังนั้น อกุศลกรรมก็เคยทำไว้แล้วในอดีต

เพราะฉะนั้น แม้ชาตินี้จะทำดี รักษาศีล แต่ไม่ได้หมายความว่า กรรมดีที่ทำจะให้ผล

ทันที ก่อนตาย ก็อาจเป็นอกุศลกรรม ในอดีต กรรมใดกรรมหนึ่ง มาให้ผล เกิดในนรก

ได้ แต่ไม่ใช่เพราะกรรมดี ที่เป็นการรักษาศีลมาให้ผลครับ ดังนั้น ความเห็นที่ว่าผู้ที่

รักษาศีล เมื่อตายไป จะต้องเกิดในสุคติทุกคน จึงเป็นการตอบเพียงแง่เดียวไม่ถูกต้อง

ไม่ใช่ มหากัมมวิภังคสูตร ที่เป็นการแสดงความละเอียดของกรรมที่หลากหลาย ครับ

--------------------------------------------------------------

(๓) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจาก

อทินนาทาน เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากพูดส่อ

เสียด เว้นขาดจากพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการเจรจาเพ้อเจ้อ ไม่มากด้วยอภิชฌา

มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบอยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลก

สวรรค์ ก็มี.

- จากข้อความนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความละเอียดของสภาพธรรม ซึ่งเมื่ออ่านก็ดู

จะไม่แปลกอะไร ที่ว่า เมื่อมีการรักษาศีล ก็ย่อมจะเกิดในสุคติ แต่ผู้ที่มีความเข้าใจ

โดยมุมเดียวก็เข้าใจว่า ถ้าทำดีในชาตินี้ ชาติหน้าก็ต้องเกิดในสวรรค์ เป็นความเข้าใจ

ที่ไม่ถูกต้อง เพราะ ไม่จำเป็น และ การเข้าใจว่า เป็นเพราะ กรรมที่รักษาศีลในชาตินี้

ทำให้เกิดในสวรรค์ ก็เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน เพราะ ในความเป็นจริง กรรมดีที่ทำ

มาในอดีตชาติก็มีมากมาย นับไม่ถ้วน ดังนั้น ชาตินี้รักษาศีล แต่กรรมดีอื่นให้ผล ก็ได้

ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการรักษาศีลในชาตินี้ ครับ อันแสดงถึงความละเอียดของกรรม

ที่เป็น มหากัมมวิภังคสูตร ครับ

----------------------------------------------

(๔) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจาก

อทินนาทาน เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากพูดส่อ

เสียด เว้นขาดจากพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการเจรจาเพ้อเจ้อ ไม่มากด้วยอภิชฌา

มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบอยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้วย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ

วินิบาต นรก ก็มี.

- โดยนัยเดียวกัน การทำบาป ทำอกุศลกรรมในชาติ และ ต้องเกิดในนรก ในชาติ

ต่อไป ก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะเป็นกรรมชั่วที่ทำในชาตินี้ ทำให้เกิดในนรก ดังนั้นความ

เห็นว่า ทำบาปแล้ว ในชาติไปนรก ก็ไม่ถูกต้องเพราะเป็นการเข้าใจกรรมเพียงแง่เดียว

ดังนั้น ก็อาจเป็นอกุศลกรรมอื่นๆ ที่ทำมาแล้วมาให้ผลก็ได้ ครับ นี่คือ ความละเอียด

ของกรรม ใน มหากัมมวิภังคสูตร

แต่อย่างไรก็ดี กรรมดี ย่อมจะให้ผลดี กรรมชั่วก็ต้องให้ผลชั่ว เพียงแต่กรรม มี

กาลเวลาที่จะให้ผล และไม่มีใครรู้ได้ว่า ขณะที่ได้รับผลของกรรม หรือ เกิดเป็นอะไร

เพราะกรรมอะไร นอกเสียจากพระพุทธเจ้า แต่ที่สำคัญ แม้จะรู้ไม่รู้ความละเอียดของ

กรรมก็ควรที่จะเป็นผู้มั่นคงในกรรม และผลของกรรม และเจริญอบรมกุศลทุกๆ

ประการ พร้อมๆ กับการฟังธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
daris
วันที่ 23 ส.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 23 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 24 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 24 ส.ค. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แมวทไวไลท์
วันที่ 25 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แมวทไวไลท์
วันที่ 25 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แมวทไวไลท์
วันที่ 25 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
นี่นะใหญ่สุดแล้ว
วันที่ 25 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 26 ส.ค. 2556

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
lovedhamma
วันที่ 2 ก.พ. 2557

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ