ศีล 5 ข้อ ข้อไหนให้ผลในปฏิสนธิกาลข้อไหนให้ผลในปวัตติกาลครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฏิสนธิกาล หมายถึง ขณะที่ปฏิสนธิจิตกำลังเกิดขึ้น ทำปฏิสนธิกิจในภพใหม่เพียง
ขณะเดียว หลังจากปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ไม่เรียกว่าปฏิสนธิกาล แต่เรียกว่า ปวัตติกาล
ซึ่งสำหรับ ศีลข้อ 5 ทั้งที่เป็นฝ่ายกุศล คือ รักษาศีล และฝ่ายอกุศล คือ ล่วงศีล
ทุกข้อ ย่อมให้ผลในปฏิสนธิกาล คือ นำเกิดเกิดปฏิสนธิจิต ได้ทั้งในสุคติภูมิ มีมนุษย์
เป็นต้น เพราะ การรักษาศีลข้อใด ข้อหนึ่ง ใน 5 ข้อ และ ย่อมเกิดในสุคติ เกิดปฏิสธิ
จิต ที่เป็นปฏิสนธิกาลได้ทุกข้อ ไม่ว่าข้อใดข้อหนึ่ง ถ้าล่วงศีล ข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อ
แล้ว ย่อมเกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น คือ เกิดปฏิสนธิจิตในภพภูมินรกได้ ทุกข้อ
และ ย่อมเกิด ปวัตติกาล คือเห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดีได้ หลังจากเกิดแล้ว ที่เป็นปวัตติ-
กาลด้วย ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์จริงๆ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อเหตุดี คือ มีศีล รักษาศีล ผล
ก็ต้องดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นเหตุที่ไม่ดีแล้ว คือ ล่วงศีล ผิดศีล ก็ต้องให้ผล
ที่ไม่ดี เหตุย่อมสมควรแก่ผล ผลที่เกิดขึ้นก็มาจากเหตุ
ศีลเป็นเรื่องปกติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าชีวิตประจำวัน เป็นศีล
ซึ่งไม่พ้นไปจากกาย วาจา ใจของแต่ละบุคคล ในแต่ละวันจิตใจเป็นอกุศลหรือเป็น
กุศลมากน้อยเท่าใด เมื่อเทียบกันแล้วอกุศลย่อมมีมากกว่า แต่ถ้ามีการล่วงศีล มี
การกระทำทุจริตกรรมประการต่างๆ ก็เป็นเครื่องแสดงว่า กิเลสมีกำลังมากทีเดียว
ซึ่งทุกคนควรจะได้ทราบและพิจารณาตนเองว่ามีการล่วงศีลข้อใดบ้างในแต่ละวัน
กล่าวคือ มีการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ มีการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้
ให้ มีการประพฤติผิดในบุตร ภรรยา ของผู้อื่น มีการดื่มสุราของมึนเมาทั้งหลาย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท บ้างหรือไม่? ซึ่งเป็นการพิจารณาตนเองในชีวิต
ประจำวัน เพื่อจะได้สำรวมระมัดระวังความประพฤติทางกาย ทางวาจาให้เป็นปกติ
เรียบร้อยดีงาม โดยงดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น แล้วประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติ
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ก็เป็นศีลเช่นเดียวกัน
การเจริญกุศลขั้นศีล เป็นการขัดเกลาจิตใจของตนให้เบาบางจากกิเลส แม้ว่า
ยังไม่ได้ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ก็จริง แต่ก็เป็นการ
อบรมจิตใจให้เบาบาง จากกิเลสอกุศล เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทราบว่า การฆ่าสัตว์
การลักทรัพย์ เป็นต้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์อื่น บุคคลอื่นเดือดร้อน
เป็นทุกข์ ก็อาจจะเกิดความยินดีพอใจในความไม่ดีเหล่านี้ก็เป็นได้ และเมื่อเป็น
กิเลส เป็นอกุศลธรรม เป็นอกุศลกรรม ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลที่ไม่ดี (อกุศลวิบาก)
ข้างหน้าสำหรับตนเองอีกด้วย เมื่อไม่ทราบอย่างนี้ เจตนาที่จะงดเว้นก็จะไม่มี
แต่ถ้าทราบ ก็จะสามารถละคลายให้เบาบาง หรือว่างดเว้นเท่าที่สามารถจะกระทำได้
ซึ่งก็จะเป็นการชำระจิตใจให้เบาบาง ให้บรรเทาจากกิเลสและอกุศลได้ในชีวิตประจำ
วัน จนกว่าจะเป็นผู้มีศีล ๕ ที่บริสุทธิ์ โดยที่ไม่มีการล่วงอีกเลย เมื่ออบรมเจริญ
ปัญญาบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน และประการสำคัญที่ควร
พิจารณา คือ กว่าที่ศีลจะบริสุทธิ์ได้จริงๆ ก็ต้องมีปัญญา เข้าใจธรรม ตามความเป็น
จริง โดยเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาไปตามลำดับ นั่นเอง
ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...