ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องปฎิบัตตนเช่นไร
ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องปฎิบัตตนเช่นไร ต้องมีความรู้เรื่องใดบ้าง
(บังเอิญ คุยกับหลายๆ คน ใน Facebook เค้าปรารถนา จะเป็นพระพุทธเจ้า
กันหลายคน จึงอยากทราบว่า เค้าต้องปฏิบัตตนอย่างไร ต้องมีความรู้อะไรบ้าง)
ขอบคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การปรารถนาพุทธภูมิ คือ เป็นพระพุทธเจ้า จะต้องมีเหตุ ที่สมควรแก่ผล เพราะ เป็น
บุคคลที่เลิศที่สุด เพราะฉะนั้น ก็ต้องทำเหตุที่เลิศสูงสุดเช่นกัน ซึ่งการจะถึงความ
เป็นผู้เลิศที่สุด ที่เป็นสิ่งที่ดี ก็จะต้องด้วย คุณงาม ความดีที่เลิศ ที่เป็นกุศลธรรมด้วย
ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดง เหตุที่พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า ด้วยการทำเหตุ
คือ การบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ คือ
1.ทานบารมี
2.ศีลบารมี
3.เนกขัมมะบารมี
4.ปัญญาบารมี
5.วิริยะบารมี
6.ขันติบารมี
7.สัจจะบารมี
8.อธิษฐานบารมี
9.เมตตาบารมี
10.อุเบากขาบารมี
และ ทำให้ยิ่งขึ้นไป เป็นอุปบารมี อย่างละ 10 และ ปรมัตถบารมี อีกอย่างละ 10
เป็น บารมี 30 ทัศ อันเป็น คุณธรรมประการต่างๆ ที่จะต้องสะสม อบรมอย่างยาว
นาน นับชาติไม่ถ้วน เป็นเวลา อย่างน้อยที่สุด สี่อสงไขยแสนกัป และ บำเพ็ญ
กุศลอีก คือ มหาบริจาค 5
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 561
ในบทเหล่านั้น บทว่า ทตฺวา ทาตพฺพก ทาน ความว่า ในกาลนั้น เราได้
สละไทยธรรม มีราชสมบัติเป็นต้นในภายนอก อวัยวะและตา เป็นต้นในภายใน ที่
พระโพธิสัตว์ผู้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นยานเลิศ เพื่อบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
จากนั้นได้บริจาคทานมีประเภทเป็นทาน.บารมี ทานอุปบารมี และทานปรมัตถบารมี
มีการบริจาคใหญ่ . อย่างเป็นที่สุด คือ บริจาคราชสมบัติ ๑ บริจาคอวัยวะ ๑
บริจาคนัยน์ตา ๑ บริจาค บุตรภรชยา ๑ บริจาคตน (ชีวิต) ๑ โดยไม่มีเหลือ.
ไม่มีปริมาณของอัตภาพ ที่พระมหาบุรุษบำเพ็ญทานบารมี
-----------------------------------------------
และ การจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่การตั้งความปรารถนาเท่านั้น
สำคัญที่เหตุเป็นสำคัญ ซึ่ง ผู้ที่จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องมีอัธยาศัยใหญ่
มีฉันทะ ความพอใจอย่างยิ่ง อีก 4 ประการ คือ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 583
บุคคลฟังมาว่า ผู้ใดสามารถข้ามท้องจักรวาลนี้ทั้งสิ้นอันมีน้ำท่วมนองเป็นอัน
เดียวกัน ด้วยกำลังแขนของตนเท่านั้นแล้วจะถึงฝั่งได้ผู้นั้นย่อมถึงความเป็น
พระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ย่อท้อเพราะทำได้ยาก กลับพอใจว่า เราจักข้ามถึงฝั่งได้.
ไม่แสดงอาการสยิ้วหน้าในกาลนั้นเลย อนึ่ง บุคคลฟังมาว่า ผู้ใดเหยียบจักรวาลนี้
ทั้งสิ้นอันเต็มไปด้วยถ่านเพลิงปราศจากเปลวไฟ ปราศจากควันไฟด้วยเท้าทั้งสอง
สามารถก้าวเลยไปถึงฝั่งได้. ผู้นั้นย่อมถึงความเป็นพระพุทธเจ้า. แล้วไม่ย่อท้อ
เพราะทำได้ยากกลับพอใจว่า เราจักก้าวเลยไปถึงฝั่งได้. . อนึ่ง บุคคลฟังมาว่า ผู้
ใดสามารถทะลุจักรวาลทั้งสิ้นปกคลุมด้วยพุ่มไม้ไผ่หนาทึบ รกรุงรังไปด้วยป่าหนาม
และเถาวัลย์ แล้วก้าวเลยไปถึงฝั่งได้ ฯลฯ .. อนึ่ง บุคคลฟังมาว่า ผู้ใดที่หมกไหม้
ในนรกตลอดอสงไขยแสนกัป จะพึงบรรลุความเป็น พระพุทธเจ้าแล้วไม่ย่อท้อ
เพราะได้ยากกลับพอใจว่า เราจักหมกไหม้ในนรกนั้น แล้วบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้า.
--------------------------------------------------------
และ การจะได้รับการพยากรณ์ เป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องถึงพร้อมด้วยเหตุ อีก 8
ประการ ที่เรียกว่า ธรรมสโมธาน 8
๑. มนุสฺสตฺต (เมื่อตั้งความปรารถนา ต้องเป็นมนุษย์)
๒. ลิงฺคสมฺปตฺติ (ลิงคสมบัติคือเป็นเพศชาย)
๓. เหตุ (มีเหตุคือสร้างกุศลมาก สมควรจะเป็นพระอรหันต์ได้)
๔. สตฺถารทสฺสน (พบพระพุทธเจ้าและได้รับพยากรณ์)
๕. ปพฺพชฺชา (บวชเป็นภิกษุ สามเณร หรือฤาษีผู้เป็นกัมมวาที)
๖. คุณสมปตฺติ (บริบูรณ์ด้วยคุณ คือ ฌานสมาบัติและ อภิญญา)
๗. อธิกาโร (การกระทำกุศลอันยิ่งใหญ่)
๘. ฉนฺทตา (พอใจในโพธิญาณ)
และ การจะเป็นพระพุทธเจ้า ด้วย เหตุ อีก 2 ประการ คือ มหากรุณา และ ปัญญา
เพราะ อาศัย ความเห็นสัตว์เป็นทุกข์อย่างยิ่ง จึง บำเพ็ญกุศล สละตนเอง เพื่อ
ประโยชน์กับสัตว์อื่นทั้งหมด และ อาศัย ปัญญาย่อมถึงความเป็นพระพุทธเจ้าได้
ดังนั้น การตั้งความปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้านั้น ก็คิดกันได้ แต่สำคัญที่เหตุ และ
เหตุเหล่านั้นก็ยาก เพราะ จะต้องบำเพ็ญเหตุมากมาย โดยที่สุด ก็เพื่อคนอื่น ไม่ใช่
เพื่อตนเอง หากแต่ว่าในชีวิตประจำวัน ยังไม่ชอบคนนั้น คนนี้อยู่ เห็นสัตวอื่น แล้ว
ก็ไม่คิดสงสาร จะกล่าวไปใยถึง การจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะ พระมหาโพธิสัตว์
ย่อมเอ็นดูสัตว์ทั้งหลาย ไม่รังเกียจใคร เพราะ ปรารถนาด้วยความหวังดี กับทุกๆ คน
เพราะ ทำ หรือ จะเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่ เพื่อผู้อื่นโดยแท้จริง แม้
ใครจะทำร้าย ไม่ว่าทางกาย วาจา และ ใจ กับผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ย่อม
เข้าใจ เห็นใจ และ เอ็นดูในสัตว์นั้น และ มีปัญญาเข้าใจความจริงในธรรมเป็นสำคัญ
ดังนั้น เหตุที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ต้องมีปัญญา ควาเมห็นถูก เป็นสำคัญ เพราะ
หากไม่เข้าใจธรรม หรือ เข้าใจธรรมผิด ไม่มีปัญญา ก็ย่อมทำให้เหตุที่ผิด และ ย่อม
เจริญในหนทางที่ผิด ไม่ต้องกล่าวถึงความจะเป็นพระพุทธเจ้า แม้แต่ สาวก ก็ไม่
สามารถเป็นได้ ครับ
กุศลทุกๆ ประการ อันมีปัญญาเป็นหัวหน้า อันอาศัย มหากรุณา ที่จะเปลื้องสัตว์โลก
และ บำเพ็ญบารมีอย่างยาวนาน ไม่ย่อท้อ เจริญบารมี 30 ทัศ ย่อมถึง ความเป็น
พระพุทธเจ้าได้ ครับ
สิ่งที่สำคัญ ไม่ต้องกล่าวถึง การคิด ปรารถนา เป็พระพุทธเจ้า สำคัญ คือ ขณะนี้
มีความเข้าใจพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง อย่างลึกซึ้ง ถูกต้องหรือยัง เป็น
สำคัญ ครับ เพราะ ปัญญา นี่เอง ที่จะเป็นธรรมที่นำทางไปสู่ ความสำเร็จที่ปรารถนา
ทุกๆ ประการ คิดได้ แต่ ไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้เลย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆ ข้อความที่ตอบด้วยนะคะ
ขอบุญรักษา และเจริญในพระธรรม ยิ่งๆ ขึ้นค่ะ
สาธุค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"พระบารมีทั้งหมดที่พระมหาสัตว์ (พระโพธิสัตว์) ได้บำเพ็ญมา ก็เพื่อประโยชน์
เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง"
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดใน
โลก กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลา สี่อสงไขย
แสนกัปป์ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาที่จะ
เกื้อกูลสัตว์โลกด้วยการทรงแสดงพระธรรมให้ได้เข้าใจความจริง พระมหากรุณาคุณ
ของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลก คือ ทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความ
เป็นจริง จากที่สัตว์โลกเคยเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ก็สามารถที่จะดับ
กิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ด้วยปัญญาอันเกิดจากการได้ฟังพระธรรมที่พระองค์
ทรงแสดง
ถ้าไม่มีบุคคลผู้เสียสละอย่างไม่มีใครเสมอเหมือนอย่างนี้ สัตว์โลกก็ย่อมจะไม่
มีทางหลุดพ้นจากความมืดมิดด้วยกิเลส มีอวิชชา เป็นต้นไป ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่
ดีอย่างยิ่ง ที่จะได้มีความเพียร มีความอดทน เห็นประโยชน์ ที่จะได้ฟังพระธรรม
ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นปัญญาของ
ตนเองต่อไป ครับ
..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...