มหาภูตรูป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มหาภูตรูป คือ รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธานของรูปทั้งหลาย มี ๔ ได้แก่ ธาตุดิน (ปฐวีธาตุ) ธาตุน้ำ (อาโปธาตุ) ธาตุไฟ (เตโชธาตุ) ธาตุลม (วาโยธาตุ) เพราะมีมหาภูตรูป ๔ จึงมีรูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด มี สี กลิ่น รส โอชา เป็นต้น ที่เรียกว่า อุปาทายรูป รูปธรรมเวลาเกิดไม่ได้เกิดเพียงรูปเดียว เดี่ยวๆ แต่เกิดเป็นกลุ่ม ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นกลุ่มของรูปที่เกิดจากสมุฏฐานใด กลุ่มของรูปที่เล็กที่สุดจะมีรูปรวมกัน ๘ รูป ได้แก่ มหาภูตรูป ๔ และอุปาทายรูป ๔ (สี กลิ่น รส โอชา) สำหรับกลุ่มของรูปที่มีเสียงเกิดร่วมด้วยนั้น จะมีรูปรวมกันเกิน ๘ รูป เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน ก็มี เกิดจากอุตุเป็นสมุฏฐาน ก็มี ซึ่งจะต้องมีเสียงเกิดร่วมด้วย เสียงก็เกิดพร้อมกับมหาภูตรูป นั่นเอง
ตามความเป็นจริงแล้ว ธรรมเป็นจริงแต่ละหนึ่ง เสียง เป็นเสียง ไม่ใช่มหาภูตรูป แต่เพราะมีมหาภูตรูป เสียงจึงเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีมหาภูตรูป แล้ว รูปใดๆ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มหาภูตรูป มหา คือ รูปที่เกิดขึ้นแล้วเป็นใหญ่ เป็นประธาน หมายถึง สภาวรูป ๔ รูป คือ ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) เตโช (ไฟ) วาโย (ลม) รูปทั้ง ๔ นี้ ได้ชื่อว่า มหาภูตรูป เพราะเป็นสภาพที่เกิดขึ้นมีอยู่โดยความเป็นใหญ่เป็นประธาน และเป็นที่อาศัยของอุปาทายรูป (รูปที่อาศัยมหาภูตรูป)
ซึ่ง ไม่ว่ารูปใด ก็จะต้องมี มหาภูตรูป เกิดร่วมด้วยเสมอ คือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ และลม ครับ
ซึ่งประเด็นในเรื่องของเสียง ที่เป็น สัททรูปนั้น ที่เกี่ยวข้องกับเสียงอย่างไร ก็เข้าใจความหมายก่อนครับว่า คืออะไร
สัททรูป คือ รูปเสียง หมายถึง สิ่งที่สามารถปรากฏได้ทางหู ซึ่งมีลักษณะที่ดัง และกระทบกับโสตปสาท จะเป็นความดังค่อย ดังแรง ดังแหลม ดังทุ้มอย่างไร ก็เป็นเพียงความดังที่ปรากฏได้ทางหูในขณะปัจจุบันเท่านั้น เป็นสภาพที่ไม่รู้อารมณ์อย่างหนึ่ง ฉะนั้นความหมายที่รู้จากเสียงนั้นจึงไม่ใช่เสียง แต่เป็นบัญญัติซึ่งจิตทางมโนทวารคิดตามหลังจากที่จิตได้ยินเสียงทางหูดับไปแล้ว
สัททรูป คือ เสียง จะดังที่ไหน ในป่า ในเขา หรือในที่ห่างไกลอย่างไรก็ยังคงเป็นสัททรูป แต่ถ้ามีจิตได้ยินเสียง หรือจิตที่รู้เสียงเกิดขึ้น จึงรูัเสียงนั้นได้
ดังนั้น เมื่อ รูปเกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดเพียงรูปเดียว แต่เกิดเป็นกลุ่มกลาปของรูป ดังนั้น เมื่อ เสียงเกิดขึ้น ไม่ใช่มีเพียง สัททรูป ที่เป็นเสียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็มี รูปอื่นๆ เกิดร่วมด้วย อย่างน้อย อีก 8 รูป ที่เป็น อวินิพพโภครูป ที่เป็นกลุ่มของรูป 9 รูป ที่เรียกว่า สัททนวกกลาป เช่น เสียงฟ้าร้อง เสียงฝนกตก เป็นต้น ซึ่ง เสียงก็คือ เสียง มีลักษณะกระทบ โสตปสาทรูป แต่ เสียง มีรูปอื่นเกิดร่วมด้วย มี มหาภูตรูป 4 คือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ และ ลม ซึ่ง หากเราลองพิจารณา เสียงที่ดังมากๆ เลย เช่น เสียงเครื่องบิน จนทำให้กระจกแตกได้ แสดงถึงลักษณะที่จะต้องมีความเป็นธาตุดินอยู่ด้วย ที่วิทยาศาสตร์มักกล่าวว่า เป็นคลื่นเสียง แต่เพราะเสียงอาศัยอากาศและมีรูปอื่นๆ เกิดร่วมด้วย มี ธาตุดิน เป็นต้น ที่เป็นมหาภูตรูป ย่อมเกิดทำให้กระจกแตกได้ เพราะความที่มีธาตุดิน ที่แข็ง เมื่อมีเสียงดังมากๆ นั่นเอง ครับ
ดังนั้น ตัวเสียง ไม่ใช่ มหาภูตรูป แต่ เสียง อาศัย มหาภูตรูป คือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ และ ลม เกิดร่วมด้วยอาศัยกันเกิดขึ้น ครับ ขออนุโมทนา
แล้ว ธาตุ ไฟ และ ลม เสียงอาศัย เกิดร่วมด้วยหรือไม่
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เรียน ความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
มหาภูตรูป เป็นที่อาศัยให้รูปที่เป็นอุปาทายรูป เกิดขึ้น ดังนั้น แม้เสียง (สัททรูป) ก็ต้องอาศัยมหาภูตรูป และเกิดพร้อมกันในขณะนั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียนเพิ่มเติมในประเด็นที่ถาม ว่า มีธาตุ น้ำ ไฟ และ ลมหรือไม่ อาจจะสงสัยเพราะว่า เสียง มองไม่เห็น ไม่มีลักษณะที่ปรากฏให้รู้ในธาตุ ดิน น้ำ ไฟ และ ลม แต่ในความเป็นจริง สภาพธรรมที่เป็น เสียง มี มหาภูตรูป แต่ ไม่จำเป็นจะต้องปรากฏให้รู้อย่างชัดเจน ใน ธาตุน้ำ ไฟ และ ลม ครับ เพราะลักษณะที่ปรากฏชัดในขณะนั้น คือ การกระทบโสตปสาทรูป ที่มีความดังเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่ปราศจาก มหาภูตรูป ครับ ขออนุโมทนา