ไฟที่ปลายก้านธูปและการแกว่งก้านธูป
ท่านอาจารย์เคยบรรยายค่อนข้างบ่อยเกี่ยวกับ"ไฟที่ปลายก้านธูปและการแกว่ง ก้านธูปเป็นวงกลม" หมายถึงการเกิดดับของสภาพธรรมที่เกิดอย่างต่อเนื่องจนเห็น เป็นกริยาอาการ จนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช่หรือไม่ครับ
ถ้าไม่ใช่ขอความ อนุเคราะห์จากอาจารย์ช่วยอธิบายด้วยครับ
เมื่อจุดธูป เห็นไฟจุดเดียวใช่ไหม ลองแกว่งธูป เป็นไงครับ เห็นเป็นวงกลมขึ้นมาแล้ว ทั้งๆ ที่ จริงๆ แล้วก็เป็นเพียงไฟจุดเดียวเท่านั้น แต่เพราะการสืบต่อ ของการหมุนก้านธูป จึงทำให้หลงเข้าใจผิดว่ามี วงกลม ฉันใด แม้สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ เช่น ขณะที่เห็น ก็เกิดขึ้นและดับไป แต่เพราะความเกิดดับของสภาพธรรมคือ เห็น เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้เห็นว่า เห็นขณะนี้ ไม่ดับไปเลย ยังเห็นว่าเที่ยงอยู่เสมอ เพราะความเกิดขึ้นและดับไปของธรรมอย่างรวดเร็ว สืบต่อกัน ดังเช่น การแกว่งธูปนั่นเอง
เรียนถามอาจารย์ผเดิมว่าอยู่ในพระสูตรใดครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ไม่ได้อยู่ในสูตรใดโดยเฉพาะ ครับ แต่เป็นการอุปมา ให้เห็นภาพของการเกิดดับในขั้นหยาบ ที่ยกโดย ท่าน อาจารย์ สุจินต์ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกขณะ ไม่พ้นไปจากธรรมเลย มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป เพราะการเกิดดับ สืบต่อกันอย่างรวดเร็วของสภาพธรรม จึงทำให้หลงผิดยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เพราะฉะนั้น หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ จะเป็นไปเพื่อการละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคล หรือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้ ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
สภาพธรรมเกิดดับรวดเร็วมาก ยิ่งกว่ากระพริบตา อุปมา ดั่ง การแกว่งก้านธูป ที่เป็นเหมือนวงกลม ค่ะ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
ในหนังสือ "ปรมัตถธรรมสังเขป" ท่านอาจารย์ได้บรรยายถึงการเกิดดับของสภาพธรรม
รวดเร็วจนทำให้เห็นเหมือนพัดลมกำลังหมุน การที่รูปใดจะปรากฏเป็นอาการเคลื่อนไหวต้องมีรูปเกิดดับมากมายหลายรูปจึงจะทำให้เห็นเป็นการเคลื่อนไหวได้ มีความหมายเหมือนกันหรือไม่ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เรียนความเห็นที่ 7 ครับ
จากตัวอย่างที่ยกมา ก็เป็นการแสดงโดยการอุปมาเช่นกัน ในลักษณะของการเกิดดับ ของสภาพธรรม ก่อนที่ใบพัดลมหมุนนั้น ก็ปรากฎมี 3 ใบ แต่ เมื่อหมุนอย่างรวดเร็ว ก็ปรากฎ เหมือนใบเดียวหยุดนิ่ง การเกิดดับของสภาพธรรมในชีวิตประจำวันก็เช่นกัน เพียงแต่การเกิดดับของรูป ที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่เพราะ เกิดดับรวดเร็ว ก็ปรกาฎ เป็นคน เป็นสัตว์ได้ แท้ที่จริงก็เป็นเพียงสภาพธรรมทีเ่กิดดับแต่ละขณะเท่านั้นเอง ครับ
และ ขอยกตัวอย่างอีกประการ
ขณะที่ดูหลอดไฟ เมื่อเปิดไฟ เราก็เห็นว่าหลอดไฟนั้นสว่างตลอด คงที่ไม่กระพริบแต่ความเป็นจริงแล้ว หลอดไฟก็มีการเกิดและดับอยู่ตลอดเวลา (ตามความเร็วรอบ) แต่เราไม่เห็นเลยว่า หลอดไฟนั้นกระพริบเกิดดับเลย เพราะเหตุใด เพราะมีการกระพริบเกิดดับเร็วมาก จนเห็นว่าเที่ยงนั่นเอง ฉันใด แม้สภาพธรรม ที่มีในขณะนี้ ก็เกิดดับเร็วมาก แต่ก็ไม่เห็นว่าเกิดดับเลย เพราะสภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก สืบต่อจนเห็นว่าเที่ยง และก็ไม่มีปัญญาเห็นความเกิดขึ้น และดับของสภาพธรรมด้วย จึงเห็นว่าเที่ยง และยึดด้วยความเห็นผิดว่าเที่ยง ขณะนี้เห็น ตามความเป็นจริง เห็น (จักขุวิญาณ) เกิดขึ้น และดับไป และก็ได้ยินบ้าง แต่ก็ยังเห็นอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ขณะที่ได้ยิน ขณะนั้นจะต้องไม่เห็น เพราะสภาพธรรมเกิดดับ สืบต่อเร็วมาก และไม่มีปัญญาที่จะไปรู้นั่นเอง เราจึงยึดถือสิ่งต่างๆ ว่าเที่ยง ยั่งยืน มีคน มีสัตว์ ครับ
ขออนุโมทนา
เมื่อค่อยๆ ฟังค่อยๆ คิดค่อยๆ พิจารณาตามพระธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์นำมาแสดงก็จะค่อยๆ เข้าใจถึงอุปมานี้ วงกลมของแสงไฟจะเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีการเคลื่อนไปของแสงไฟทีละจุดๆ เปรียบเหมือนกับการเกิดดับของสภาพธรรมทีละหนึ่งๆ อย่างเร็วมาก จนเห็นเป็นคนเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้เป็นสิ่งต่างๆ มากมาย เมื่อเข้าใจจนมั่นคงแล้ว ก็จะเข้าใจได้ว่าเพราะมีการเกิดดับสืบต่ออย่างเร็วมากจึงเห็นเป็นรูปร่างต่างๆ ถ้าแสงไฟไม่เคลื่อนไปจะเห็นเป็นวงกลมได้อย่างไร เมื่อฟังบ่อยๆ พิจารณาบ่อยๆ ก็จะคลายความยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นรูปร่างต่างๆ ว่ามีจริง แต่สิ่งที่มีจริงเกิดแล้วดับแล้ว แต่เกิดอีกดับอีกเพราะมีเหตุให้เป็นอย่างนั้น และแม้จะเข้าใจว่าเกิดแล้วดับแล้วแต่ก็เกิดให้เห็นอีกเหมือนเก่าแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เก่า ถ้าเข้าใจว่าเพราะจำไว้ ก็จะเข้าใจการเกิดดับ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ได้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเก่าเลยสักขณะ
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ