อนิจจสูตร ทุกขสูตร อนัตตสูตร
[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 438
๓. อนิจจสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[๓๗๙] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนิจจัง อนิจจัง ดังนี้อะไรหนอ เป็นอนิจจัง
๑. ตั้งแต่สูตรที่ ๓ - ๑๒ ในทุติยวรรคนี้ ไม่มีอรรถกถาแก้ไว้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นอนิจจัง เวทนาเป็นอนิจจัง สัญญาเป็นอนิจจัง สังขารเป็นอนิจจัง วิญญาณเป็นอนิจจัง ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ อนิจจสูตร
๕. ทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์
[๓๘๑] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลถามคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ทุกข์ ทุกข์ ดังนี้ อะไรหนอเป็นทุกข์พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์ ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ทุกขสูตร
๗. อนัตตสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา
[๓๘๓] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลถามคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตา อนัตตา ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ อนัตตสูตร