เมื่อความเกิดมีอยู่ ความไม่เกิดก็พึงมีฉันนั้น
[เล่มที่ 73] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒- หน้าที่ 172
บัดนี้ เพื่อทรงทำความที่พระองค์ทรงปริวิตกให้สำเร็จผล จึงตรัสว่า ยถาปิ เป็นต้น. เหมือนอย่างว่า ธรรมดาสุขอัน เป็นข้าศึกของทุกข์มีอยู่ ฉันใด เมื่อความเกิดมีอยู่ ความไม่เกิดอันเป็นข้าศึกของความเกิดนั้น ก็พึงมีฉันนั้น อนึ่ง เมื่อความร้อนมีอยู่ แม้ความเย็นอันระงับความร้อนนั้น ก็มีอยู่ฉันใด นิพพานอันเครื่องระงับไฟคือกิเลส มีราคะเป็นต้น ก็พึงมี ฉันนั้น อนึ่งแม้ธรรมอันไม่มีโทษเป็นความดี ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อธรรมอันเป็นความชั่วลามก ก็มีอยู่ฉันใด เมื่อความเกิดอันเป็นฝ่ายชั่วมีอยู่ แม้นิพพานที่นับได้ว่าความไม่เกิดเพราะห้ามความเกิดได้ ก็พึงมีฉันนั้นเหมือนกันแล. ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
เมื่อทุกข์มีอยู่ แม้ธรรมดาสุขก็ย่อมมีฉันใด เมื่อภพมีอยู่ แม้ภาวะที่มิใช่ภพ บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น. เมื่อความร้อนมีอยู่ ความเย็นตรงกันข้ามก็มีอยู่ ฉันใด เมื่อไฟ ๓ กองมีอยู่ นิพพานเครื่องดับไฟ บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น. เมื่อความชั่วมีอยู่ แม้ความดีก็ย่อมมีฉันใด เมื่อชาติมีอยู่ แม้ที่มิใช่ชาติ บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น