การมีความเห็นถูกของผู้คนสมัยพุทธกาล

 
tmangkon
วันที่  12 ก.ย. 2556
หมายเลข  23582
อ่าน  1,013

ขอเรียนถามว่า ผู้คนในสมัยพุทธกาล ที่สนใจฟังพระธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้

สนใจไปเป็นสาวกของพวกเดียรถีย์ หรือสำนักของพระเทวทัต เรื่องนี้ มีการกล่าวถึง

กรรมที่ได้สั่งสมมาของกลุ่มคนเหล่านั้นหรือไม่ อย่างไรคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การได้อยู่ในประเทศอันสมควร การได้พบสัตบุรุษ และ ตนเอง มีการพิจารณา

ธรรมที่ถูกต้อง โดยไม่ได้ไปสนใจในหนทางที่ผิด ในพระไตรปิฎก แสดงไว้ คือ

พราะ อาศัย บุญที่เคยทำไว้แล้วกาลก่อน คือ ปุพเพกตบุญญตา ที่เป็นกุศล

ที่ประกอบด้วยปัญญา นั่นเองก็คือ กรรมที่ทำแล้วเกิดปัญญา คือ การฟังพระธรรม

ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ย่อมเป็นเหตุให้ได้พบสัตบุรุษ มีพระพุทธเจ้าและพระอริย-

สาวก เป็นต้น ทำให้ได้ยินเสียงพระธรรมที่ถูกต้อง เพราะ กุศลที่เคยสะสมปัญญา

มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และ ทำให้พิจารณาธรรมถูกต้อง ครับ

ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่ว่า

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 116

จักรวรรควรรณนาที่ ๔

ชื่อว่า ปฏิรูปเทสวาสะ ความอยู่ในถิ่นที่เหมาะ. ความพึ่งพิงคบหาสัตบุรุษมี

พระพุทธเจ้าเป็นต้น ชื่อว่า สัปปุริสูปัสสยะ ความพึ่งพิงสัตบุรุษ. การตั้ง

ตนไว้ชอบ คือ ถ้าเป็นคนประกอบด้วยความไม่มีสัทธาเป็นต้นมาก่อน การ

ละความไม่มีสัทธาเหล่านั้นเสียแล้ว ตั้งอยู่ในสัทธาเป็นต้น ชื่อว่า อัตตสัมมา

ปณิธิ ความตั้งคนไว้ชอบ. ความเป็นผู้มีกุศลอันสั่งสมไว้ในกาลก่อน ชื่อว่า

ปุพฺเพ จ กตปฺญฺตา ความเป็นผู้ทำบุญมาก่อน. ข้อนี้แหละถือเอาเป็นประมาณ

ในจักร ๔ นี้. เพราะว่า กุศลกรรมเท่านั้นอัน คนใดด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ

อันใด กุศลจิตนั้น แหละย่อมนำคนนั้นเข้าไปอยู่ในถิ่นที่เหมาะ ให้เขาคบหา

สัตบุรุษ.

--------------------------------------------------

และ อีกนัยหนึ่ง การที่พบสัตบุรุษ และ ไม่เขวไปทางอื่น ไม่ไปตามผู้ที่เห็นผิด

เป็นต้น ก็เพราะ ความเป็นผู้มีความเห็นถูก มีปัญญา สมดังพระพุทธพจน์ ใน จริยา

ปิฎก แสดงไว้ว่า เพราะ เป็นผู้มีความเห็นถูก จึงได้สหายดี

ข้อความนี้ แสดงว่า เพราะ เป็นผู้มีความเห็นถูก มีปัญญา ก็ทำให้ได้พบคนที่มี

ความเห็นถูกเช่นกัน และ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น สัตว์ก็คบกันโดยธาตุ โดยอุปนิสัย

โดยความเห็นที่เหมือนกัน เมื่อตนเองเป็นผู้มีความเห็นถูก ก็คบ ยินดีในบุคคลที่มี

ความเห็นถูกด้วย และ เสพคุ้นกับพระธรรมที่เป็นความเห็นถูกเช่นกัน สรปุได้ว่า

เพราะ อาศัยกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่

ถูกต้อง อันเกิดควาเมห็นถูกย่อมเป็นปัจจัยได้พบสัตบุรุษ อยู่ในประเทศที่ดี มีคนดี

มีปัญญา มีพระพุทธศาสนา และสำคัญที่สุด ยินดีในควาเมห็นถูก ตามที่เคยสะสม

มา ครับ

เดี๋ยวนี้ พระพุทธเจ้า และ พระอริยสาวกในอดีต ปรินิพพานนานแล้ว หากแต่ว่า

พระธรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นศาสดาแทนพระองค์ ปัจจุบันขณะ จึงเป็น

เครื่องยืนยันว่า ใครสะสมมาแบบใด หากยินดีในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

ก็เท่ากับว่ากำลังคบสัตบุรุษ คบพระพุทธเจ้า คบพระอริยสวกอยู่ ดังนั้นพุทธบริษัท

ควรอยู่กับปัจจุบันขณะที่ประเสริฐ คบมิตรที่ดีประเสริฐ คือ การศึกษาพระธรรมที่

พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นสำคัญ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้งยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกว่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอัน

ยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ และเมื่อพระองค์

ทรงตรัสรู้แล้ว ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ในการประกาศพระศาสนาของพระองค์นั้น

ก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์ หมดจดจากกิเลสโดย

ประการทั้งปวง ตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรม ของพระองค์ใน

แต่ละครั้งๆ นั้น มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็น

พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และพระอริยบุคคลทั้งหลาย

เหล่านั้นกว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟัง

พระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น

การฟังพระธรรม เป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้น บุคคลผู้เป็นสาวกต้องเป็นผู้ได้ฟัง

พระธรรม และจะต้องเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่ว่าไม่ได้ฟัง

พระธรรมเลย แล้วปัญญาจะเกิดขึ้น ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ เจริญขึ้นได้ ต้องอาศัย

การฟังพระธรรม เท่านั้น

ขณะที่ฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจ และมีความเข้าใจไปตามลำดับ ย่อมเห็นสมบัติ

ของตนเองจากการฟังพระธรรม ซึ่งเป็นสมบัติที่แท้จริง ประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติทั้งหลาย

ที่มี ใครๆ ก็ลักไปไม่ได้ด้วย นั่นก็คือ ได้สะสมปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูก, ถ้าเว้น

จากการฟังพระธรรมเสียแล้ว การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมของพระสาวกทั้งหลายก็จะมีไม่ได้

เลย การฟังพระธรรม การเข้าใจพระธรรม เท่านั้นเป็นเหตุที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

ได้ ประโยชน์จากการได้ฟังพระธรรม สูงสุด คือ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลส

ทั้งปวง

เพราะฉะนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่ทุกคนจะเห็นประโยชน์สูงสุด ของการฟังพระธรรม

ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ด้วยความละเอียด รอบคอบ

เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 12 ก.ย. 2556

ก็ทำกุศลที่มีกำลัง โดยเฉพาะ สัมมาทิฏฐิ สะสมความเห็นถูก มี ศรัทธา มั่นคงใน

พระรัตนตรัย เชื่อกรรมและผลของกรรม ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 12 ก.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tmangkon
วันที่ 12 ก.ย. 2556

กราบขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
papon
วันที่ 12 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 13 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ