แสงธรรมสาดส่องที่เวียดนาม 10
ลาเวียดนามที่ดาลัด
หลังเสร็จภารกิจเผยแพร่พระธรรมที่โฮจิมินห์ซิตี้และหวฺงเต่าทั้งเช้าบ่ายเป็นเวลา 10 วัน ท่านอาจารย์และคณะผู้ติดตาม ได้เดินทางไปพักผ่อนต่อที่เมืองดาลัดอีก 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 - 13 ก.ย. 56 แต่จริงๆ แล้วใช้เวลาเดินทางไปกลับ 2 วัน เหลือเวลา เที่ยวชมดาลัดจริงๆ เพียง 2 วัน 3 คืน จากเมืองหวฺงเต่า ต้องเดินทางเข้าเมืองไซ่ง่อน เพื่อขึ้นเครื่องบินไปดาลัด ระยะทาง จากไซ่ง่อนถึงดาลัดกว่า 400 กม. ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ต้องใช้เวลา 8 ชม. ทางเครื่อง บินใช้เวลา 50 นาที
ออกเดินทางจากไซ่ง่อน 15:50 ถึงดาลัดเวลา 16:40 พอขึ้น รถบัสจากสนามบิน ฝนก็ตกต้อนรับทันที ได้สัมผัสกับอากาศหนาวอย่างที่ทุกคนต้อง การ แต่มีฝนแถมมาให้ผิดหวังด้วย ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครทราบล่วงหน้าว่า ขณะต่อ ไปจะเกิดอะไรขึ้น จะหนาว หรือ จะเปียก จะเห็น จะได้ยิน หรือ คิดนึก ก็ได้ ไม่มีใคร บังคับบัญชาสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ เพราะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถ้ารู้ความจริงอย่างนี้ มั่นคงแล้ว ก็จะไม่คาดหวังกับทุกสิ่งให้เร่าร้อนด้วยความสมหวังและผิดหวังอีกต่อไป ถึงรีสอร์ทที่พักย่านกลางเมืองชื่อ Hoang Anh - Dat Xanh Dalat Resort (ไม่กล้าอ่าน เป็นภาษาไทยแล้ว หลังจากอ่าน Ky Hoa เป็นไคหัว และ บางคนอ่านเป็นขี้หัว แต่ที่ จริงเป็น กีฮว่า) ที่สวยงามกว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่ เช่น สน 3 ใบ ต้นพลับ ต้นแปรงล้าง ขวดและไม้ดอกหลากหลายชนิด ที่จัดแต่งอย่างสวยงาม
มองหาดาวที่รัฐบาลกำหนด แสดงระดับของโรงแรม ปรากฏว่าดาวอยู่ที่พื้น ทำด้วยต้นไม้อยู่ตรงทางเข้ารีสอร์ท เป็น ระดับ 4 ดาว พวกเราอยู่ในวิลลาเดียวกันทั้งหมด มีทั้งหมด 3 ชั้น 15 ห้อง แต่ละห้อง สามารถนอนรวมกันได้ 5 - 10 คน อย่างสบายๆ ที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 14 - 25 องศา แต่ตอนกลางวันอาจสูงถึง 30 กว่าองศาใน หน้าร้อน แต่ในบ้านที่ทำด้วยไม้สนอย่างนี้ อุณหภูมิจะกำลังพอดี ตามคำบอกเล่าของ น้องฟ้า หลังจากที่ท่านอาจารย์ได้ตรากตรำนั่งตอบปัญหาธรรมะมาถึง 10 วัน พร้อมผู้ติดตาม ที่บางท่านก็ทำงานหนัก เจริญกุศลสนับสนุนให้การเผยแพร่พระธรรมของท่านอาจารย์ เป็นไปด้วยดี เช่น คุณกฤษณา คุณนวลวรรณ ผู้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ท่านอาจารย์ ทุกวัน คุณเมตตา คุณจู คุณป๋อง คุณโอ๊ต คุณยุพิน ช่วยดูแลการถ่ายทอดสด คุณจู และ คุณเบญจวรรณ ทำหน้าที่เหรัญญิก คุณจิราพร ดูแลเรื่องเครื่องดื่มให้ท่านอาจารย์เมื่อ บรรยายเสร็จ และทุกท่านก็ช่วยกันทุกทางตามความสามารถ สมควรได้รับรางวัล คือ พักผ่อนเที่ยวชมความสวยงามของเมืองดาลัด เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของ เวียดนาม ดาลัด ได้ชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติค เป็นเมืองสำหรับดื่มน้ำผี้งพระจันทร์ (มานอน 3 คืน ไม่เห็นทั้งน้ำผึ้งและพระจันทร์ เพราะเป็นคืนข้างแรม) ตั้งอยู่บนเขา ที่สูงจาาก ระดับน้ำทะเล 2,300 เมตร เป็นเมืองที่ฝรั่งเศสขณะที่ปกครองเวียดนามเป็นระยะเวลา กว่า 100 ปี เลือกมาสร้างเป็นเมืองตากอากาศ จึงมีอาคารรูปทรงฝรั่งเศสอยู่ทั่วไป ขอ บรรยายด้วยภาพตามที่น้องฟ้าพาไปเที่ยชมเมืองบางส่วนในเวลา 2 วัน
(ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับม้าขาวที่ถูกย้อมสีให้เป็นม้าลาย ให้นักท่องเที่ยว ถ่ายภาพด้วย เก็บเงินครั้งละ 10,000 ด่ง แต่ม้าตัวนี้เดินมาถ่ายกับท่านอาจารย์เอง)
ในตอนค่ำวันสุดท้ายฝนตกหนัก จึงไม่ออกไปรับประทานอาหารเย็น และไปนั่งอยู่ใน ห้องท่านอาจารย์ จึงได้เห็นคุณ Lan สุภาพสตรีเวียดนามจากฮานอย ที่อยู่ในทีมจัดการ สนทนาธรรมครั้งนี้ ได้นั่งรถบัสมาจากไซ่ง่อนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เพื่อมาสนทนาธรรมกับ ท่านอาจารย์ต่อ เธอมาถึงตอนฝนตกหนักพอดี เธอมานั่งคอยอยู่เกือบชั่วโมง กลุ่มที่ออก ไปกินข้าวเย็นกลับมา จึงได้พบกัน และพามาพบท่านอาจารย์ สนทนากันจนถึง 3 ทุ่ม ครึ่ง จึงฝ่าสายฝนออกไปขึ้นแท๊กซี่กลับที่พัก เธอคิดว่าท่านอาจารย์จะกลับวันที่ 14 ไม่ใช่วันที่ 13 เห็นศรัทธาของผู้เริ่มเข้าใจพระธรรมแล้ว เห็นประโยชน์ในการสนทนา สอบถามให้เข้าใจยิ่งขึ้น อนุโมทนาค่ะ
การสนทนาในคืนนี้ ก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นด้วย อย่างคำว่า delirious thinking บ่นเพ้อธรรมะ หมายถึงพูดถึงเรื่องราวของธรรมะต่างๆ หัวข้อธรรมะ จำนวน จิต เจตสิก กิจหน้าที่ของจิต เจตสิก ปัจจัยต่างๆ พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เป็นส่วนๆ ยังไม่ เข้าถึงสภาพธรรมะ จึงยังไม่ใช่ความรู้ขั้นปริยัติ เพราะยังไม่รู้ทั่วถึงว่า ทุกอย่างเป็น ธรรมะและเป็นอนัตตาอย่างไร เมื่อยังไม่รู้รอบ รู้ทั่ว จึงยังไม่เป็นความเห็นถูก ความ เข้าใจถูกที่จะเป็นเหตุปัจจัย ให้ถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ เดี๋ยวนี้ และยังไม่เข้าใจว่า สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้สามารถรู้ได้ว่าเป็นธรรมะที่เป็นอนัตตา แต่บ่นเพ้อ ธรรมะก็ยังดีกว่าพูดเพ้อเจ้อในเรื่องของอกุศล เหมือนการสวดมนต์ที่ไม่รู้ความหมายก็ยัง ดีกว่าทำทุจริตทางวาจา เพียงแต่ให้รู้ว่า ยังไม่ใช่ความรู้ขั้นปริยัติ ต้องฟังธรรมและ พิจารณาต่อไปจนกว่าจะเข้าใจพอที่จะทำให้ปฏิปัตติ ระลึกตรงลักษณะของสิ่งที่กำลัง ปรากฏเดี๋ยวนี้ แม้คืนสุดท้ายฝนตกหนัก ฟ้ามืดสนิท แต่แสงธรรม ก็ยังสาดส่องที่เวียดนามอยู่ดี คราวนี้จบแล้วจริงๆ ค่ะ หวังว่าคงพบกันใหม่ที่เวียดนามกลางปีหน้าค่ะ
(สถานีรถไฟ สมัยฝรั่งเศส)
(ทิวทัศน์เมืองดาลัด มองจากภูเขาเลียงเบียง)
(น้ำตก Prenn)
(แม่น้ำทองคำ มองจากภูเขาเลียงเบียง)
(วิลลาในรีสอร์ท)
(วัดบนเขา)
(สวนสวยในวัดบนเขา)
ขอเชิญคลิกอ่านบทความ ครั้งที่ผ่านๆ มา ได้ที่นี่ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพะภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์กาญจนา มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ปีหน้าจะติดตามการเผยแพร่ธรรมะอีกแน่นอนค่ะ
ที่ไทยวันที่ 11-12 กันยายน 2556 ก็เจอฝนกันหนัก น้ำท่วม รถติดมากมายค่ะ
โรงเรียน โดนพายุงวงช้าง พังเป็นแถบเลยค่ะ
ยังไม่เข้าถึงสภาพธรรมะ จึงยังไม่ใช่ความรู้ขั้นปริยัติ เพราะยังไม่รู้ทั่วถึงว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ และเป็นอนัตตาอย่างไร
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและคณะทุกๆ ท่านด้วยครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพสูงสุด
ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่แดง ที่ทำหน้าที่รายงาน สดตลอดการเดินทางทริปนี้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อให้สหายธรรมได้ร่วมอนุโมทนา ด้วยค่ะ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ ทุกๆ ท่านที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ค่ะ