ลม - น้ำ

 
nopwong
วันที่  18 ก.ย. 2556
หมายเลข  23631
อ่าน  1,572

มหาภูตรูป ดิน มีอ่อน แข็ง ไฟ มีเย็น ร้อน สภาวธรรมนี้พอเข้าใจเมื่อปรากฏ

ขอเรียนถาม ลมมีตึง ไหว สภาวนั้นคือเช่นไร น้ำ ไม่ปรากฏแต่กำซาบอยู่ทั่วไปนั้น

เป็นเช่นไร ขอขอบพระคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรมที่เป็นสิ่งที่มีจริง มี 2 อย่าง คือ นามธรรม และ รูปธรรม นามธรรม

นามธรรมได้แก่จิต เจตสิก ที่เป็นสภาพรู้ ส่วน รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร

เลย ซึ่ง การรับรู้ทางกาย เป็นกิจหน้าที่ของจิต ที่เรียกว่า กายวิญญาณจิต ซึ่งการ

รับรู้ทางกายนั้น มีอารมณ์ได้ ทั้งสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม ที่เป็นลักษณะของธาตุดิน

คือ แข็ง อ่อน ธาตุไฟ คือ เย็น ร้อน และ ลักษณะของธาตุลม คือ ตึง หรือ ไหว ซึ่ง

ลักษณะ ตึง ไหว เป็นลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ที่แสดงลักษณะของธาตุลมที่

สามารถเกิดมีได้ในชีวิตประจำวัน ที่เป็นการรับรู้ทางกาย ซึ่งการขยับร่างกายเคลื่อน

ไหว ในอิริยาบถต่างๆ ก็อาจปรากฎลักษณะของสภาพธรรมที่ตึง หรือ ขณะใดที่

เคลื่อนไหว แขน ขา ก็สามารถปรากฏลักษณะที่ไหวไป ซึ่งเป็นลักษณะของธาตุลม

อาการตึง ไหว เป็นลักษณะของธาตุลม คือ วาโยธาตุ อาการตึงที่ปรากฏชัดเจน เช่น ขณะกำมือ การถือของหนักๆ ฯลฯ

อาการไหวปรากฏชัดเจน เช่น ขณะเดินไป เหยียดมือ เหยียดเท้า

พูด ฯลฯ

สามารถอ่านกระทู้เพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

ลักษณะ ตึง ไหว

เชิญฟังธรรมได้ที่นี่ ครับ

รูปที่จะไหวได้ คือ ธาตุลม

กายปสาทรูป กับ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว

ส่่วน ธาตุน้ำ คือ อาโปธาตุ (สภาพธรรมใด ย่อมเอิบอาบ คือ แผ่ไปสู่รูปที่เกิดร่วมกัน

หรือสภาพธรรมใด ยังรูปที่เกิดร่วมกันให้แนบแน่น ให้พอกพูน คือ ให้เจริญ สภาพ

ธรรมนั้นชื่อว่า อาโปธาตุ) เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปธรรม เป็นรูปที่ละเอียด

ซึ่งไม่ปรากฏทาง ๕ ทวาร คือ ไม่ปรากฏทางจักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร

ชิวหาทวารกายทวาร แต่ปรากฏให้รู้ได้ทางมโนทวารเท่านั้น ครับ

ดังนั้น ลักษณะที่เอิบอาบ เกาะกุมของ อาโปธาตุ จึงไม่ได้ปรากฎให้รู้ในชีวิตประจำวัน

ดั่งเช่น ทางกาย ที่เป็น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ที่ปรากฎทางกายได้ แต่ปรากฎ

ทางใจ เพราะ เป็นรูปละเอียดนั่นเอง ครับ ซึ่งก็ต้องเป็นปัญญาที่เกิดรู้ตรงลักษณะ

ของสภาพธรรม คือ ธาตุน้ำที่เกิดขึ้น จึงจะรู้ได้ ซึ่งเป็นปัญญาที่ละเอียด ขั้นสูง ครับ

ขอเชิญอ่านข้อความทีี่ท่านอาจารย์สุจินต์แสดงไว้ในเรื่องนี้ ครับ

อาจารย์ สุจินต์..ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งเป็นมหาภูตรูป สำหรับที่เป็นโผฏฐัพพะนั้น มี

เพียง ๓ รูป คือ ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม สำหรับธาตุน้ำ ไม่ใช่โผฏฐัพพารมณ์

เพราะเหตุว่าลักษณะของธาตุน้ำ คือ อาโปธาตุ คือ

บทว่า อาโป ความเอิบอาบเป็นการแสดงสภาวะ อาโปนั่นแหละ เรียกว่า

อาโปคตํ ธรรมชาติที่เอิบอาบ

ที่ชื่อว่า สิเนโห ความเหนียว ด้วยอำนาจที่เป็นยางใยแห่งความเหนียว

นั่นแหละ เรียกว่า สิเนหคตํ ธรรมชาติที่เหนียว

บทว่า พนฺธนตฺตํ รูปสฺส ธรรมชาติเครื่องเกาะกุมรูป ได้แก่ ธรรมชาติ

เป็นเครื่องประกอบภูตรูปมีปฐวีเป็นต้น

จริงอยู่ อาโปธาตุควบคุมวัตถุทั้งหลายมีแท่งเหล็กเป็นต้นไว้ แล้วย่อม

ทำให้ติดกัน ธรรมชาติทั้งหลายมีก้อนเหล็กเป็นต้นเหล่านั้น ชื่อว่า ติดกัน

อยู่ เพราะความที่อาโปธาตุนั้นเป็นเครื่องเกาะกุมไว้ แม้ในแผ่นหิน ภูเขา

ต้นตาล หน่อไม้ งาช้าง และเขาโค เป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน

ก็อาโปธาตุเท่านั้น เกาะกุมวัตถุเหล่านั้นทั้งหมด กระทำให้ติดกัน

ธรรมชาติเหล่านั้นชื่อว่า เป็นธรรมชาติติดกัน ก็เพราะถูกอาโปธาตุควบคุมไว้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อกระทบสัมผัสทีไร ก็จึงเป็นแต่เพียงปฐวี หรือเตโช หรือ

วาโย แต่ว่าไม่สามารถที่จะกระทบสัมผัสอาโปธาตุ ซึ่งไหลเอิบอาบ ซึมซาบ

เกาะกุมธาตุที่เกิดร่วมด้วย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nopwong
วันที่ 18 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มหาภูตรูป คือ รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธานของรูปทั้งหลาย มี ๔ ได้แก่

ธาตุดิน (ปฐวีธาตุ) ธาตุน้ำ (อาโปธาตุ) ธาตุไฟ (เตโชธาตุ) ธาตุลม (วาโยธาตุ)

เพราะมีมหาภูตรูป ๔ จึงมีรูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด มี สี กลิ่น รส โอชา เป็นต้น

ที่เรียกว่า อุปาทายรูป รูปธรรมเวลาเกิดไม่ได้เกิดเพียงรูปเดียว เดี่ยวๆ แต่เกิด

เป็นกลุ่ม ซึ่งจะไม่ขาดมหาภูตรูป ๔ เลย

คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

มหาภูตรูป ๔

สุ. คงจะต้องค่อยๆ เข้าใจแต่ละคำ ด้วยความเข้าใจจริงๆ เช่น คำว่า “มหาภูตรูป”

รูปที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน มี ๔ รูป จะเป็นรูปเดียวไม่ได้ เพราะเหตุว่าสภาพธรรม

ที่เกิดต้องเกิดร่วมกัน อาศัยกันและกันเกิด แต่รูป ๔ รูปเป็นใหญ่กว่ารูปอื่น เพราะ

เหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่ต้องมี ไม่ว่าจะเป็นรูปปรากฏที่ไหน อย่างไรก็ตาม จะ

ปราศจากมหาภูตรูป ๔ ไม่ได้เลย

สำหรับมหาภูตรูป ๔ ก็คือ ดิน ปฐวี น้ำ อาโป ไฟ เตโช และลม คือ วาโย ไม่ต้อง

พูดภาษาบาลีก็ได้ ดิน น้ำ ไฟ ลม สลับได้ไหม ไฟ ลม ดิน น้ำ ได้ไหม ได้

นี่คือความเข้าใจว่า ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีรูปใ ดๆ ที่นั่นจะต้องมีรูป ๔ รูปนี้เป็นใหญ่

เป็นประธาน เอาแค่ ๔ ก่อนว่า ขาดไม่ได้เลย จึงเป็นมหาภูตรูป จะมีแต่ธาตุดิน ไม่มี

ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ไม่ได้ หรือจะมีแต่ธาตุน้ำ ไม่มีธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม-

ไม่ได้ ๔ รูปนี่แม่นยำแล้วใช่ไหมคะ

มองเห็นไหมคะ ๔ รูป

เด่นพงศ์ มองไม่เห็นครับ

สุ. มองไม่เห็น มีใครเห็นบ้างไหมคะ มีใครเห็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม

เพราะฉะนั้นจะเห็นลักษณะของรูปที่ต่างๆ กันไปอีก แต่เริ่มจากมหาภูตรูป ๔ ซึ่ง

สามารถที่จะรู้เมื่อมีการกระทบสัมผัสกับกายปสาท เกิดมาแล้วทุกคนรู้ว่าอะไรแข็ง

ใช่ไหมคะ แต่ไม่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถปรากฏ

เมื่อกระทบกาย ถูกต้องไหมคะ แต่มองไม่เห็น

๔ รูป มีใครสงสัยบ้าง ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม

เด่นพงศ์ วิธีที่ผมจำ ถ้าบอกว่าดิน น้ำ ไฟ ลม พูดทีไรถามทีไร ผมมองเห็นทุกที แต่

ถ้าใช้ว่า ปฐวี วาโย อย่างนั้นจำได้ว่ามองไม่เห็น มันหลอกผม นี่เป็นวิธีจำของผม

สุ. เพราะฉะนั้นการฟังธรรม ไม่ใช่ไปจำเรื่องเก่าที่เราเคยจำไว้ว่า ดินอยู่

ที่ถนนหรือที่เอาไปปลูกต้นไม้ แต่ต้องฟังใหม่ เข้าใจใหม่ทั้งหมดเลย ลักษณะ

ที่แข็ง จะใช้คำว่า “อ่อน” หรือ “นิ่ม” หรืออะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นลักษณะของธาตุ

ที่เป็นปฐวีธาตุ ที่ใช้คำว่า ธาตุดิน แม้แต่ดินที่เราสมมติกันว่า “ดิน” ก็มีธาตุดิน

ไหมคะ คือ ธรรมนี่อยากให้คิด และให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นแต่จำชื่อ และจำเรื่อง

ถ้าจำชื่อ จำเรื่อง เหมือนรู้ เหมือนเข้าใจ แต่จริงๆ แล้วจะสับสนได้ ถ้าเราไม่ละเอียด

ดินที่เราเข้าใจ มีธาตุดินไหมคะ

เด่นพงศ์ ดินที่เราเข้าใจว่าเป็นดิน มีครับ

สุ. มี ลักษณะที่อ่อนแข็งอยู่ตรงไหน เมื่อไร นั่นเป็นลักษณะของธาตุดิน

ธาตุไฟร้อน ตรงไหนก็ตาม เราอาจจะไปจำว่าเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าลักษณะร้อน

ปรากฏเมื่อไร ขณะนั้นก็สามารถรู้ได้ทางกาย เป็นลักษณะของธาตุที่ต่างกับธาตุดิน

เพราะว่าธาตุดิน แข็ง แต่ว่าธาตุไฟจะอุ่น หรือจะร้อน หรือจะเย็น

เพราะฉะนั้นเราเคยเรียกสิ่งนั้นว่า อะไรก็ตามแต่ แต่ถ้าศึกษาธรรม ก็กำลังศึกษา

เรื่องสิ่งที่มีจริง มีลักษณะแต่ละอย่างซึ่งไม่ปะปนกัน

เพราะฉะนั้นสำหรับธาตุที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน ๔ ธาตุ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ

ธาตุลม ธาตุน้ำไม่สามารถปรากฏทางกาย เพราะเป็นธาตุที่เกาะกุมธาตุทั้ง ๓ คือ

ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม ไม่แยกจากกันเลย

เพราะฉะนั้นที่ใดมีธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม ก็มีธาตุน้ำ น้ำจะเกาะกุมธาตุไฟ ธาตุ

ลม ธาตุดิน

นี่เป็นธาตุใหญ่ ชื่อว่า “มหาภูตรูป” ไม่ว่ารูปใดๆ นอกจากนี้ทั้งหมดที่เป็นรูป จะ

ปราศจากมหาภูตรูปไม่ได้เลย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 18 ก.ย. 2556

ธาตุน้ำเห็นก็ไม่ได้ กระทบสัมผัสก็รู้ไม่ได้ รู้ได้เฉพาะทางใจ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 19 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนา อาจารย์คำปั่น ครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ