ปัญจทวารวิถีและมโนทวารวิถี
พระอภิธรรมพื้นฐานตอนที่ 65 ถึงตอนที่ประมาณ 75 ท่านอาจารย์เริ่มบรรยายถึงวิถีจิต กระผมพอเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับปัญจทวารวิถีแต่เกี่ยวกับมโนทวารวิถี กระผมยังนึกภาพไม่ออก โดยเฉพาะมโนทวาราวัชชนจิต กับ ปัญจทวาราวัชชนจิต มีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ทั้งสองท่านกรุณาให้ปัญญาด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญจทวารวิถีจิต คือ วิถีจิตทางทวาร ๕ หมายถึง วิถีจิตทุกดวงที่รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏทางปัญจทวารทั้งหมด ๑๔ ขณะ ตั้งแต่ปัญจทวาราวัชชนจิต ๑ ทวิปัญจวิญญาณ ๑ สัมปฏิจฉันนจิต ๑ สันตีรณจิต ๑ โวฏฐัพพนจิต ๑ ชวนจิต ๗ ตทาลัมพณจิต ๒
มโนทวารวิถีจิต คือ วิถีจิตทางใจ หมายถึง วิถีจิตทุกดวงที่รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏทางมโนทวาร ทั้งหมด ๑๐ ขณะ ตั้งแต่มโนทวาราวัชชนจิต ๑ ชวนจิต ๗ ตทาลัมพณจิต ๒ (ถ้าเป็นอัปปนาวิถี จะมีวิถีจิตไม่ถึง ๑๐ ขณะ และถ้าเป็นขณะที่เข้าสมาบัติ จะมีวิถีจิตมากจนนับไม่ได้)
ซึ่งปัญจทวารวิถี คือ ขณะที่มีรูปเป็นอารมณ์ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่เห็น ยังไม่รู้ว่าเห็นอะไร แต่ขณะนั้นเห็นเพียง สีที่ปรากฏเท่านั้น ขณะนั้นวิถีจิตทางปัญจทวารทั้งหมดมี สีเป็นอารมณ์ แต่ความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ของ ปัญจทวารวิถี และมโนทวารวิถี คือ เมื่อเห็นสี และ วิถีจิตทางปัญจทวารดับไป ก็ไม่ใช่เพียงเห็นสีเท่านั้น แต่ก็มีการเกิดขึ้นทางใจ ทางมโนทวารวิถี ซึ่งวิถีจิตทางมโนทวาร วาระแรก ยังมีสีเป็นอารมณ์ ต่อเมื่อวิถีจิตทางมโนทวารวาระแรกดับไป ก็เกิดมโนทวารวาระต่อมา ที่นึกถึงรูปร่าง สัณฐาน ของสีนั้น ทำให้เห็นนึกคิดเป็นสัตว์ บุคคล เป็นสิ่งต่างๆ วัตถุต่างๆ ดังนั้น ที่เรานึกคิดได้ เป็นสิ่งต่างๆ ที่รู้ว่าเป็นคน เป็นสัตว์ สิ่งต่างๆ ก็เพราะ อาศัย การสืบต่อกันของปัญจทวารวิถี และ สืบต่อด้วย มโนทวารวิถี ครับ นี่คือ ความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันของ ปัญจทวารวิถี และ มโนทวารวิถี ที่จะต้องเกิดดับ สืบต่อกันและสัมพันธ์กัน ที่ทำให้เห็นเป็นสัตว์ บุคคล สิ่งต่างๆ ได้ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิถีจิตทุกดวงที่รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏทางปัญจทวาร เรียกว่า วิถีจิตทางปัญจทวาร หรือปัญจทวารวิถีจิต
วิถีจิตทุกดวงที่รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏทางมโนทวาร เรียกว่าวิถีจิตทางมโนทวาร หรือมโนทวารวิถีจิต
ตามหลักจิตนิยามคือ ความแน่นอนของจิต ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เมื่อวิถีจิตทางปัญจทวาร (จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัย ๕ ทวาร ทวารหนึ่งทวารใด คือทวาร ตา หู จมูก ลิ้น กาย) เกิดขึ้น และดับไปแล้ววิถีจิตทางมโนทวารเกิดขึ้นรู้อารมณ์สืบต่อจากปัญจทวารทันที และมีอารมณ์เดียวกันกับทางปัญจทวาร คือ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ตามควรแก่ทวารนั้นๆ และแม้ไม่ได้มีจิตเกิดขึ้นทาง ๕ ทวารเลย วิถีจิตทางใจ ก็เกิดขึ้นเป็นไปได้ เช่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ชีวิตของแต่ละคนที่ดำเนินไปอยู่นี้ ก็คือ วิถีจิตทางปัญจทวาร วิถีจิตทางมโนทวาร และ จิตที่เกิดขึ้นโดยไม่อาศัยทวารใดๆ เลย (นั่น ก็คือ ภวังคจิต) ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เกิดต่อเนื่อง เช่น กุศลทางปัญจทวารก็เกิดต่อทางมโนทวารด้วยค่ะ
การเกิดขึ้นของจิตทางปัญจทวารและมโนทวารโดยต้องเริ่มจากตา หู จมูก ลิ้น กายตามลำดับเสมอไปหรือครับ และทั้งสองทวารจะต้องสลับกันทุกครั้งใช่ไหมครับ และ 17 ขณะจิตทางปัญจทวารโดยเริ่มจากภวังคจิต ปัญจทวาราวัชชน....ตทาลัมพน รูปจึงดับแล้วมโนทวาราวัชชนจิต ทำกิจตอนไหนครับ
ขออนุโทนาครับ
เรียนความเห็นที่ 4
วิถีจิตทางปัญจทวารและมโนทวารไม่จำเป็นจะต้องเกิดตามลำดับ คือเกิดทางตาก่อนแล้วค่อยเป็นหู แล้วแต่กรรมใดจะให้ผลทางใด ก็ให้ผลทางนั้นก่อน
ส่วน มในทวาร จะสืบต่อ จากทางปัญจทวาร ก็เมื่อวิถีจิตทางปัญจทวารดับไปก่อน และภวังคจิตเกิดขั้น ซึ่งภวังคุปัจเฉทะนั้นเองที่เกิดต่อ เป็นการทำทาง ให้เกิด มโนทวารวิถี ซึ่งวิถีจิตทางมโนทวารมีนามธรรมคือภวังคุปัจเฉทะ เป็นทางรู้อารมณ์ เพราะอารมณ์ที่จะปรากฏทางมโนทวาร ไม่ต้องกระทบกับปสาทรูป ไม่ต้องอาศัยปสาทรูปใดๆ แต่อาศัยภวังคุปัจเฉทะที่ตัดกระแสภวังค์ จึงทำให้วิถีจิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้นได้ภวังคุปัจเฉทะจึงเป็นมโนทวาร และเกิด วิถีจิต ทางมในทวาร ครับ
อนุโมทนา
ทุกวาระของปัญจทวารไม่ว่าจะเป็นทวารไหน จะต้องมีวิถีจิตทางมโนทวารทำกิจตามมาทุกครั้งหรือเปล่าครับ
ขออนุโมทนาครับ
โดยมากมักเป็นอย่างนั้น ยกเว้นแต่ จุติจิตจะเกิดต่อจากปัญจทวารวิถี มโนทวารวิถีก็ไม่ได้เกิดต่อทันทีในขณะนั้น ครับ
ขออนุโมทนา