ความเข้าใจเกี่ยวกับบัว 3 เหล่า หรือ 4 เหล่า

 
Suth.
วันที่  1 ต.ค. 2556
หมายเลข  23745
อ่าน  6,370

มีการเปรียบเทียบมนุษย์เหมือนกับบัว 4 เหล่า (บางแห่งว่าเดิมมี 3 เหล่า) เหล่าสุดท้ายอยู่ที่โคลนตม ต้องเป็นอาหารของเต่าและปลา ผมเข้าใจว่าตัวผมเองเปรียบเหมือนบัวเหล่าที่ 4 คืออยู่ที่โคลนตม เพราะว่ายังไม่มีสติระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และถ้าตายไปก็ไม่แน่ว่าในภพภูมิต่อไปจะได้โอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกหรือไม่ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่ากุศลกรรม หรืออกุศลกรรมที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อไรจะเป็นเหตุให้จุติจิตเกิด

แม้ผมจะมีศรัทธาศึกษาพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่มีปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงและสามารถละคลายความยึดมั่นว่าเป็นตัวตนออกได้

ผมจึงเข้าใจว่าผมยังไม่มีหลักประกันใดเลย ว่าจะรอดจากการตกสู่อบายภูมิ ขอเรียนถามว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่ กรุณาอธิบายอย่างตรงประเด็นพร้อมเหตุผลด้วยครับ

(ขอยืนยันว่าผมมีฉันทะต่อการศึกษาพระธรรม ที่คิดเช่นข้างต้นไม่ได้ท้อถอยแต่อย่างใด)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และ มีความเข้าใจไปตามลำดับ โดยกล่าวถึงบุคคล ๔ จำพวก คือ

๑.อุคฆฏิตัญญูบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น)

๒.วิปัญจิตัญญูบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด)

๓. เนยยบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมโดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อและโดยการขยายความให้ละเอียดจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย)

๔. ปทปรมบุคคล (บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น)

ซึ่ง การอุปมา บัวสี่เหล่า เป็นตอนที่ สหัมบดีพรหม ทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าทรง แสดงธรรม เมื่อพระพรหมอาราธนา พระพุทธเจ้าก็ทรงตรวจดูสัตว์โลก ซึ่ง ก็เห็น หมู่ สัตว์ที่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินั้น ซึ่ง เป็นบัว 3 เหล่า บางเหล่าตั้งขึ้น พ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ในอรรถกถา อธิบายว่า คืออุคฆฏิตัญญูบุคคล คือ เพียงฟังห้วข้อของพระธรรมเท่านั้น ก็บรรลุธรรม บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ คือ วิปัญจิตัญญูบุคคล คือ เมื่อได้ฟังหัวข้อแล้วอธิบาย โดยละเอียด ก็สามารถบรรลุธรรม บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ คือ เนยยะบุคคล คือ สามารถ บรรลุธรรมในชาตินั้นได้ แต่ต้องอาศัยการฟัง การศึกษามาก จึงจะบรรลุธรรมได้ ครับ ซึ่ง ที่ถามว่า เป็นดอกบัว 4 เหล่า หรือ 3 เล่า ในพระบาลี แสดง 3 เล่า มุ่งหมายถึง ผู้ที่บรรลุธรรมได้ แต่ ในอรรถกถา อธิบายเพิ่มเติมว่า มี อีกเหล่า เป็น 4 เหล่า คือ ปทปรมบุคคลเป็นการแสดงถึง บุคคลที่สามารถบรรลุได้ในชาตินั้น ไมได้รวมถึง บุคคลที่ไม่สามารถบรรลุชาตินั้น แต่บรรลุในชาติถัดๆ ไป ข้อความอรรถกถาอธิบายว่า แม้ ไม่ได้ยก บุคคลที่ 4 ที่เป็น ปทปรมบุคคล ที่ไม่บรรลุ ธรรมในชาตินี้ แต่บรรลุธรรมในชาติต่อๆ ไป ก็หมายรวมบุคคลเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ไม่ ยกขึ้นไว้ในพระไตรปิฎก เพราะ ความจริง บุคคล แบ่ง เป็น บัว 4 เหล่า

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 148

อรรถกถามหาปทานสูตร

อธิบายว่า บัวบางเหล่าที่ตั้งขึ้นพ้นน้ำคอยรอสัมผัสแสงอาทิตย์แล้วบานใน วันนี้.บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำจักบานในวันพรุ่งนี้. บางเหล่ายังจมอยู่ภายในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้จักบานในวันที่ ๓. แต่ว่ายังมีดอกบัวเป็นต้นที่มีโรคแม้เหล่าอื่น ไม่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้ว ดอกบัวเหล่าใด จักไม่บาน จักเป็นภักษาแห่งปลาและ เต่าอย่างเดียว ดอกบัวเหล่านั้น ท่านไม่ควรนำขึ้นสู่บาลี ได้แสดงไว้ชัดแล้ว.


ส่วนเหล่าที่ 4 เป็นดอกบัวที่จะไม่บาน จะเป็นอาหารของปลา และ เต่า ซึ่ง เป็นบุคคลที่เรียกว่า ปทปรมบุคคล (บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น)

ข้อที่ควรพิจารณา คือ บุคคลประเภทที่ ๔ คือ ปทปรมบุคคลนั้น พระธรรม ก็เกื้อกูลบุคคลประเภทนี้ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บรรลุในชาตินั้นก็ตาม กล่าวคือ ทำให้บุคคลประเภทนี้สะสมอุปนิสัยที่ดีซึ่งจะเป็นปัจจัยแห่งการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอนาคตข้างหน้าได้ โดยปทปรมบุคคล นี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระธรรม (จึงได้ชื่อว่า ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง) ผู้ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมเลย รวมถึงบุคคลผู้ที่มีความเห็นผิดที่ดิ่ง ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นปทปรมบุคคล เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

บุคคล ๔ จำพวก มีอุคฆฏิตัญญูบุคคล เป็นต้น [ปุคคลบัญญัติ]

ดอกบัว ๔ เหล่า [อรรถกถามหาปทานสูตร]


ดังนั้น ผู้ใดก็ตาม ที่ยังไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ แม้จะเกิดปัญญา เกิดสติปัฏฐาน รู้ลักษณะของสภาพะรรมที่มีในขณะนี้ แต่ ไม่ใช่พระโสดาบัน คือ ไม่บรรลุธรรม ไม่เป็นดอกบัวบานในชาตินี้ ชือ่ว่า เป็นดอกบัวเหล่าที่สี่ทั้งหมด ไม่ต้องกล่าวถึง ผู้ที่ศึกษาธรรม แต่สติปัฏฐานไม่เกิด เพราะ ผุ้ที่เกิดปัญญา ความเข้าใจถุกในขั้น สติปัฏฐาน แต่ ไม่บรรลุธรรมก็ยังเป็นดอกบัวเหล่าที่ 4 ครับ แต่ ก็เป็นปัจจัย สะสมปัญญาต่อไป ที่จะเป็นดอกบัวบานในอนาคต ที่จะดอกบัว ใน 3 เหล่า ที่พร้อม จะบาน คือ บรรลุธรรมได้ ซึ่ง ผู้ถามมีความเข้าใจถูกต้องแล้ว ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nopwong
วันที่ 2 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 2 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงบุคคล ๔ จำพวก ในเรื่องความต่างของการ ตรัสรู้หรือไม่ตรัสรู้ธรรม เปรียบเหมือนกับดอกบัว ๔ เหล่า ตามการศึกษาก็เข้าใจ ได้ว่า บุคคล ๓ ประเภทแรก เมื่อฟังธรรมของพระพุทธองค์แล้ว ปัญญาสามารถ ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น ต่างกันที่ความเร็ว - ช้าของระยะเวลาที่อบรมก่อนที่จะถึง การตรัสรู้ ซึ่งเป็นไปเหตุปัจจัยและการสะสม ส่วนบุคคลประเภทที่ ๔ ไม่สามารถ ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น แม้ว่าจะฟัง จะศึกษามากเท่าไรก็ตามแต่ความเข้าใจธรรม ของบุคคลนั้น ย่อมสั่งสมเป็นอุปนิสัยที่จะเอื้อต่อการตรัสรู้ธรรมในภายภาคหน้า เมื่อปัญญาสมบูรณ์พร้อม และได้พบได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ต่อๆ ไป

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็น ผู้จำแนกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาคุณอนุเคราะห์ เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมที่เหมาะ ควรแก่อัธยาศัยของแต่ละบุคคล ผู้ที่ได้สั่งสมบารมีมาก็ได้ฟังและสามารถรู้แจ้ง อริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บรรลุ ก็ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเพื่อประโยชน์ในภายหน้าต่อไป จากการทรงแสดง พระธรรมของพระองค์ บางครั้งทรงยกเป็นอุทเทศ (หัวข้อ) ขึ้นแสดงเท่านั้น บางครั้ง ก็ทรงแสดงโดยละเอียด ซึ่งทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังอย่างแท้จริง เพราะจากการแสดงพระธรรมของพระองค์นั้น พระองค์ไม่ทรงหวังอะไรจากผู้ฟังแม้ แต่น้อย นอกจากผู้ฟังจะเข้าใจเป็นปัญญาของตนเองเท่านั้น

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสม อบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และ มีความเข้าใจไปตามลำดับ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 2 ต.ค. 2556

ดอกบัว แบ่งเป็น 4 เหล่า คือ ผู้ที่บรรลุได้ กับ ผู้ที่บรรลุไม่ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Suth.
วันที่ 2 ต.ค. 2556

ขอขอบคุณผู้ที่ตอบคำถามทุกท่าน และขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านที่เข้ามาอ่านและออกความเห็นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
lovedhamma
วันที่ 20 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Suth.
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกคำตอบและทุกความเห็นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ประสาน
วันที่ 14 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nui_sudto55
วันที่ 22 ต.ค. 2567

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ