คน สัตว์ สิ่งของ
กราบขออภัยอาจารย์ทุกท่านที่ผมถามบ่อยเหลือเกินเนื่องจากใหม่ในธรรมมาก
1.จิตเป็นสภาพรู้เกิดพร้อมเจตสิก ดังนั้น สิ่งของจึงเป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นรูปอย่างเดียวไช่ไหมครับ
2.แล้วต้นไม้ล่ะครับเป็นสภาพธรรมอะไร
3.ผัสสเจตสิกเกิดพร้อมเจตสิกอื่นๆ และ เกิดพร้อมปัจจวิญญาณจิตไช่หรือไม่ครับ
4.ปัญญจทวาราชนะจิตเกิดพร้อมเจตสิกอะไรครับ
5.สมมติว่าเมื่อเราได้ยินเสียงที่ไพเราะ จิตได้ยินเกิด ผัสสะเกิด เวทนาเกิด สภาพธรรมที่ได้ยิน ที่รู้ ที่สั่งสมสันดานคือจิต แต่ที่รู้สึกว่าเป็นสุขคือเวทนาเจตสิกไช่หรือไม่ครับ
6.คำว่า จิตนี้เองเป็นผู้เสวยเวทนา หมายความว่าอย่างไรครับ
กราบขอบพระคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1.จิตเป็นสภาพรู้เกิดพร้อมเจตสิก ดังนั้น สิ่งของจึงเป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นรูป
อย่างเดียวไช่ไหมครับ
@ ถูกต้องครับ สิ่งของต่างๆ ไม่มี จิต เจตสิก จึงเป็นการประชุมรวมกันของรูปธรรม
เท่านั้น ครับ
2.แล้วต้นไม้ล่ะครับเป็นสภาพธรรมอะไร
@ ต้นไม้ก็เป็นการประชุมรวมกันของรูปธรรม ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เพราะ ไม่มีจิต เจตสิก
เกิดขึ้น ครับ
3.ผัสสเจตสิกเกิดพร้อมเจตสิกอื่นๆ และ เกิดพร้อมปัจจวิญญาณจิตไช่หรือไม่ครับ
@ ผัสสเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวง เพราะฉะนั้น ก็เกิด กับ ทวปัญญจวิญาณจิตด้วย
มี จิต เห็น จิตได้ยิน เป็นต้น ครับ
4.ปัญญจทวาราชนะจิตเกิดพร้อมเจตสิกอะไรครับ
@ ปัญจทวาราวัชนจิต เกิด พร้อมกับเจตสิก หลายประเภท เช่น ผัสสะ เวทนา
สัญญา ฃเอกัคคตาเจตสิก ทีเป็น สัพพจิตสาธารณะเจตสิก 7 และ เกbfกับ ปกิณ
ณกเจตสิก เป็นต้น ครับ
5.สมมติว่าเมื่อเราได้ยินเสียงที่ไพเราะ จิตได้ยินเกิด ผัสสะเกิด เวทนาเกิด สภาพ
ธรรมที่ได้ยิน ที่รู้ ที่สั่งสมสันดานคือจิต แต่ที่รู้สึกว่าเป็นสุขคือเวทนาเจตสิกไช่หรือ
ไม่ครับ
@ ขณะทีได้ยินเสียง มีผัสสะ มีเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย ขณะที่ได้ยิน เปHน
อุเบกขาเวทนา จิตได้ยิน ยังไมได้สะสมอะไร เพราะ เป็นจิตวิบาก แต่ เมือ่ได้ยิน
แล้ว เกิด อกุศลจิต กุศลจิต สุข ทุกข์ หลังจากนั้น ขณะนั้น สะสมสิ่งที่ดี และ สิ่ง
ที่ไม่ดี และ ขณะนั้น ก็มีเววทนาเจตสิกิดร่วมด้วย ในขณะที่เป็นกุศลจิต อกุศลจิต
ซึ่งก็แล้วแต่ว่า จะเป็นสุข หรอื เป็นทุกข์ และก็มีเจตสิกอื่นๆ เกิดร่วมด้วย ครับ
6.คำว่า จิตนี้เองเป็นผู้เสวยเวทนา หมายความว่าอย่างไรครับ
@ หมายถึง จิต นี้เอง ที่ มีเวทนาเจตสิก เกิดร่วมด้วยในขณะนั้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ๋เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรม
ที่เกิดร่วมกับจิต) เป็นนามธรรม ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ส่วนสิ่งที่เรียกว่า
เป็นสิ่งของต่างๆ นั้น ล้วนไปพ้นไปจากความเป็นรูปธรรม
-ที่เรียกว่าเป็นต้นไม้ ก็คือ มีความเกิดขึ้นเป็นไของรูปธรรม ที่เกิดจากอุตุเป็น
สมุฏฐาน สำหรับต้นไม้แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิต
-ผัสสะเกิดกับจิตทุกขณะทุกประเภท ไม่มีเว้น ถ้าไม่มีผัสสะ จิตและเจตสิกอื่นๆ
ก็เกิดขึ้นไม่ได้
-ต้องเป็นค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ เบื้องต้น
ก็พอจะเข้าใจแล้วว่า จิตที่เกิดขึ้นเป็นไป นั้น อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีเจตสิกเกิด
ร่วมด้วย ๗ ประเภท ได้แก่ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกัคคตา ชีวิตินทริยะ
และ มนสิการะ แต่นอกเหนือจากจิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่
กระทบสัมผัสกทางกาย แล้ว จะมีเจตสิก มากกว่า ๗ ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ
-จิตมีหน้าที่เพียง รู้แจ้งอารมณ์ ส่วนเวทนา เป็นความรู้สึก เป็นเจตสิกที่เกิดร่วม
กับจิต เวทนา จำแนกเป็น ๕ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา
โทมนัสเวทนา และ อทุกขมสุขเวทนา (อุเบกขาเวทนา) ซึ่งแต่ละเวทนาก็เกิด
ตามควรแก่จิต จะไม่พร้อมกันทีเดียวทั้ง ๕ เวทนา ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...