ทรงมีชีวิตอยู่เพื่อ ผู้อื่น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ อริยสัจจ์ ๔ ความจริงที่พระอริยเจ้าทั้งหลายได้ประจักษ์แจ้งแทงตลอด สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไป เพราะเหตุปัจจัย ทุกข์จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้ควรเข้าใจ เห็น ได้ยิน.. และคิดนึก สิ่งที่กำลังปรากฏทางทวารทั้ง ๖ เกิดแล้วดับไปอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่มีจริงที่ต้องค่อยๆ ฟังให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก หากไม่มีการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค โลกก็ถูกปิดไว้มืดสนิทด้วยความไม่รู้ ไม่มีใครอื่นที่ไหนให้รู้ความจริงนี้ถึงที่สุด จนดับกิเลสเป็นสมุจเฉทได้ ขณะที่พระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงที่รู้ได้ยากนี้ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปล่งพระราชดำรัสว่า พระองค์ได้พบนายช่างผู้สร้างเรือน ซึ่งก็คือ โลภะ พระองค์ทรงดับโลภะหมดสิ้นแล้ว ต่อไปนายช่างผู้สร้างเรือนไม่สามารถที่จะสร้างอัตภาพนี้ได้อีกแล้ว นี่คือ ปฐมพุทธพจน์ สำหรับปัจฉิมพุทธพจน์นั้น พระองค์ตรัสพระราชดำรัส ก่อนที่จะปรินิพพานว่า ภิกษุทั้งหลาย เอาเถิด บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด พระพุทธพจน์ที่พระองค์ตรัสไว้ระหว่างปฐมพุทธพจน์ กับปัจฉิมพุทธพจน์ชื่อว่า มัชฌิมพุทธพจน์ สำหรับมัชฌิมพุทธพจน์นั้นทรงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ทรงแสดงธรรมเพื่อที่จะให้ผู้อื่นได้รู้ความจริงตามที่ตรัสรู้ ซึ่งเป็นไปเพื่อการอบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงขณะนี้ ก่อนตรัสรู้ โลกมืดด้วยความไม่รู้ความจริง เพราะไม่รู้ความจริง ชีวิตจึงเป็นไปด้วยความไม่ถูกต้อง ติดข้องในสิ่งที่ไม่มี สิ่งที่เพียงเกิดแล้วดับไป ว่างเปล่าเหมือนอากาศ แต่เมื่อรู้ความจริง รู้ถูกต้อง ก็จะไม่เป็นทุกข์ใดๆ ทุกข์มาจากความไม่รู้ ถ้ารู้แล้วก็ไม่ทุกข์ ชีวิตเป็นของน้อยนัก จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เกิดมาก็เป็นเรา ตายไปก็ยังเป็นเราที่ตายไป ไม่รู้ความจริงต่อไป
ทรงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นโดยแท้จริง ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ผู้อื่นรู้ตาม พระมหากรุณาอันหาประมาณมิได้ ทำให้ผู้อื่นที่อยู่ในโลกที่มืดด้วยความไม่รู้ ให้พ้นจากความมืด ด้วยแสงสว่างคือ ความรู้ ความรู้ถูกในสิ่งที่มีจริงขณะนี้ ไม่ใช่ไปแสวงหาความจริงจากที่อื่นเลย ขณะนี้ทุกข์กำลังเกิดดับอยู่ตลอดเวลา สภาพธรรมปรากฏอยู่ตลอดเวลาให้ปัญญารู้ได้ ความไม่รู้ไม่สามารถรู้ได้ ความต้องการก็ไม่สามารถรู้ได้ ทรงบำเพ็ญบารมีต่างๆ เพื่อผู้อื่น ตั้งแต่พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ท่านสุเมธดาบสว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ ทรงบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย แสนกัปป์ เพื่อความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนำพาผู้อื่นให้พ้นจากทุกข์ด้วย เพราะท่านสุเมธดาบสสามารถที่จะบรรลุความเป็นพระอรหันต์ในภพนั้นได้ แต่..เพื่อผู้อื่น
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เคยกล่าวไว้ว่า ที่ท่านบรรยายธรรมตามที่พระอรหันตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงแสดงก็คือ สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ทั้ง ๓ ปิฎก ก็ไม่พ้นจากขณะนี้ เมื่อผู้ฟังเข้าใจพระธรรมที่ท่านบรรยาย ท่านจะปีติอย่างยิ่ง ที่มีชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ