เพื่อนฝากถามค่ะ....ลักขณัง นามัง..
เพื่อนฝากถามค่ะ....ลักขณัง นามัง..
ขอบคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพียงแค่คำที่ คุณ wkedkaew ได้ยกนั้น ก็แปลได้เพียงว่า"อันมีชื่อว่า ลักษณะ"
หรือ ถ้าจะแปลอีกความหมายหนึ่ง คือ นามธรรม มีลักษณะ... ถ้าจะให้มีความชัดเจน
ก็ควรที่จะได้ยกข้อความนั้นมาทั้งหมด เพื่อจะได้เทียบเคียงจากพระธรรมคำสอนที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้ ได้อย่างครบถ้วน เพียงคำแปลเท่านี้ ถ้าจะนำไปสู่
ความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่า สภาพธรรมที่มีจริง ไม่ว่าจะ
เป็นสภาพธรรมใด เป็นจิต เจตสิก และ รูป แต่ละสภาพธรรมล้วนมีลักษณะ
เฉพาะของตนๆ ไม่ปะปนกันกับสภาพธรรมอย่างอื่น เช่น จิต มีลักษณะที่รู้แจ้ง
อารมณ์ เจตสิกประการต่างๆ ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โลภะ ก็ติดข้อง
ไม่สละ ไม่ปล่อยในอารมณ์ โทสะก็มีลักษณะขุ่นเคืองประทุษร้าย เป็นต้น ซึ่งถ้า
กล่าวถึงเฉพาะนามธรรมที่เป็นจิตและเจตสิกแล้ว ย่อมเป็นสภาพธรรมที่น้อมไป
สู่อารมณ์ รู้อารมณ์ตามควรแก่นามธรรมนั้นๆ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ล้วนแล้วแต่
แสดงให้เข้าใจถึงสภาพธรรมที่มีจริงแต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นภาษาบาลี แต่ พยัญชนะนั้น ควรจะครบถ้วน
บริบูรณ์ ที่เป็นรูปประโยค ก็จะได้ อรรถ ความหมายที่เข้าใจมากขึ้น ที่สำคัญ การ
ศึกษาธรรม ไม่ใช่ การเรียนภาษาบาลี ให้เข้าใจความหมาย แต่ เป็นการศึกษา
พระธรรมให้เข้าใจ ในลักษณะ ความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็น
แต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา
ดังนั้น ควรเริ่มจากรฟัง ศึกษาพระธรรม ตั้งแต่ต้น ว่าธรรม คือ อะไร โดยเข้าใจ
ตามภาษาของตน เพราะขณะที่เข้าใจ ขณะนั้น ปัญญาเกิดขึ้น ที่เป็นนามธรรม
ไม่ได้มีชือ่ มี ภาษาบาลี แต่ ขณะนั้นได้สะสมความเข้าใจในพระธรรมแล้ว และ
สะสมต่อไปในชาติหน้า หากแต่ว่า การรู้ศัพท์บาลี แต่ ไม่เข้าใจ อรรถ ความจริง
ของสภาพธรรมในขณะนี้ เมื่อจากโลกนี้ไป ก็ลืมภาษานั้นแล้ว เพราะ ในสังสาร
วัฏฏ์ต่างก็เคยเรียนภาษาเกิดเป็นชาวมคธ เรียนภาษาบาลีมาแล้ว แต่ สิ่งที่สำคัญ
คือ ความเข้าใจพระธรรม ที่จะเกื้อกูล อุปการะ และ ส่งเสริมให้เกิด การละกิเลส
และ ติดตามไปในภพหน้าต่อไป ครับ ขออนุโมทนา