ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๒

 
khampan.a
วันที่  13 ต.ค. 2556
หมายเลข  23850
อ่าน  1,457

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๑๑๒]

ถ้าตราบใดยังไม่ประจักษ์ในลักษณะของสภาพธรรม คือนามธรรมและรูปธรรม จะมีความเห็นผิดเกิดมากมายหลายประการ เนื่องมาจากการไม่รู้ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริง นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่มีแต่ความเห็นผิด เท่านั้น กิเลสอื่นที่ยังมีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น เมื่อได้ปัจจัยควรแก่กิเลสนั้นๆ ก็เกิด ซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นกาย หรือวาจา หรือใจ ก็ย่อมประกอบไป ด้วยกิเลสนานาประการ

๐ พูดกระทบ พูดเสียดแทงให้เจ็บช้ำน้ำใจ ด่าว่า พูดเหน็บแนม หรือแม้ คำพูดที่ล้อเลียน ล้วนมาจากอกุศลจิต

ถ้าไม่ขัดเกลา ไม่บรรเทา ไม่เห็นว่าเป็นโทษ ไม่เห็นว่าเป็นอกุศลธรรมที่น่า รังเกียจแล้ว ก็ย่อมนำมาซึ่งทุจริตกรรมทุกประการได้ เวลาที่คิดทุจริต แม้แต่ก่อน ที่จะกระทำ ก็ต้องอำพราง ต้องปกปิด ต้องพูดเท็จ เพื่อจะกระทำทุจริตกรรมนั้นให้ สำเร็จลงไปได้ แม้ว่ากระทำแล้ว ก็ยังไม่ปรารถนาที่จะให้บุคคลอื่นเห็น รู้ว่าเป็นทุจริต ก็ยังต้องพูดเท็จ อำพราง ปกปิดต่อไปอีก

ถ้ายังเห็นว่ามุสาวาท (พูดเท็จ) เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เพียรละ ไม่เพียรขัดเกลาแล้ว ก็ย่อมนำมาซึ่งทุจริตกรรมได้ทุกประการ

ารศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง แต่เพื่อการดับกิเลส ซึ่งคนอื่นดับให้ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า เรื่องของการศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม เพื่อประโยชน์อย่างเดียว คือการดับกิเลส

เวลาที่กิเลสเกิดขึ้น กระเพื่อมไปแล้ว หวั่นไหวไปแล้ว แล้วแต่ว่าจะเป็นไปด้วย กำลังของโลภะ หรือว่า ด้วยกำลังของโทสะ

ถ้ายังเข้าใจผิด คิดว่าที่ปฏิบัตินั้นถูก แต่ความจริงผิด เพราะฉะนั้น ก็ไม่สามารถ ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เมื่อไม่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็ย่อมเกิดในอบายภูมิได้ ยังไม่พ้นไปจากอบายภูมิเลย

เรื่องของวาจา ก็แล้วแต่สภาพของจิต พูดเรื่องธรรมที่เป็นอกุศลโดยละเอียด แต่พูดด้วยกุศลจิตได้ เพื่อจะให้ผู้ฟังเข้าใจสภาพธรรมนั้นโดยแจ่มแจ้ง

การกระทำใดๆ ถ้าเป็นไปด้วยอกุศลจิต แม้วาจาที่เป็นไปด้วยอกุศลจิต ก็ย่อมไม่ อาจทำถ้อยคำของตนที่พูดออกไปแล้วให้สมควรได้ อันนี้พอจะพิจารณาเห็นได้ เวลาพูดด้วยอกุศลจิต มีคำพูดที่แรงเกินไปบ้าง หรือว่าไม่ควรจะเป็นในลักษณะ กระทบกระเทียบเปรียบเปรยเสียดแทงให้เจ็บช้ำน้ำใจ แต่ก็เป็นไปแล้วด้วยอกุศลจิต เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นอกุศลจิตแล้ว ไม่อาจทำให้ถ้อยคำของตนที่พูดออก ไปแล้วให้สมควรได้เลย เพราะจิตเป็นอกุศล วาจาก็คล้อยไปตามจิตที่เป็นอกุศล

ความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจา เป็นไปตามจิต ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็น กุศลจิตหรืออกุศลจิต

อกุศล เป็นสิ่งที่ควรละเว้น

ฟังเรื่องของศีล (ความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจา ที่ดี ซึ่งมาจากจิต) เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้วละเว้นจากอกุศล

ศีล จะเจริญขึ้น ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก

๐ เคยคิดบ้างไหมว่า ควรเป็นกุศลเพิ่มขึ้น?

ยอมรับไหมว่า เราเป็นผู้มากไปด้วยอกุศลจริงๆ

การไม่ฟังพระธรรม เป็นกุศลหรือกุศล? ธรรมเป็นสิ่งที่ควรฟังหรือไม่ควรฟัง?

เห็นประโยชน์ของพระธรรมเมื่อไหร่ นั่น เป็นเพราะ หิริ โอตตัปปะ พร้อมกับโสภณธรรม (ธรรมฝ่ายดี) อื่นๆ เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่

กำลังจะพูดไม่ดี กำลังจะว่าผู้อื่น กำลังจะล้อผู้อื่น แต่ไม่พูด นั่นก็เพราะหิริ โอตตัปปะ พร้อมกับโสภณธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่

ถ้าไม่มีธรรมเดช (พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง) จะไม่มี ทางทำให้กุศลธรรมเจริญยิ่งขึ้นได้เลย

๐ บาปธรรมทั้งหลาย ไม่สามารถทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะ นี้ได้เล

๐ อกุศลเกิดเมื่อใด ก็ขยายห้วงน้ำให้กว้างไกลออกไป ห่างไกลจากฝั่งแห่ง การดับกิเลสมากขึ้น

จะถึงการดับกิเลสเมื่อไหร่? เมื่อปัญญาถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมแล้ว

ความไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย ความไม่รู้มีมากไหม? มีมากจริงๆ

การที่ได้ฟังและค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็เป็นการละความไม่รู้เพราะได้เข้าใจ ซึ่งอีกไกลมากกว่าจะดับความไม่รู้ได้หมดสิ้น แต่ขณะนี้ก็ได้เริ่มแล้ว คือ เริ่มสะสมความ เข้าใจถูก

วิชชาหรือปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก จะมั่นคงขึ้น ก็ต้องเกิดบ่อยๆ เพราะตอน นี้อวิชชามั่นคงเหลือเกิน

เกิดมาเป็นบุคคลนี้ โอกาสที่ประเสริฐคือ ได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจถูกในสิ่ง ที่กำลังปรากฏ

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้เลย ความเพลิดเพลิน เกิดขึ้นเป็นไปมาก ขณะนี้ได้เริ่มลดละคลายลงบ้างหรือยัง?

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมได้เลย

แต่ละคำที่กล่าวถึง ขอให้เข้าใจจริงๆ ว่า คืออะไร

เที่ยวไปตลอด หลังเห็น หลังได้ยิน หลังได้กลิ่น หลังลิ้มรส หลังรู้สิ่งที่กระทบ สัมผัสทางกาย เป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ นี้คือ วิตักกะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่

ธรรม ละเอียดลึกซึ้ง ไม่ง่าย ถ้ากล่าวว่า จะเอาธรรมมาพูดให้ยากๆ ทำไม ลืมไปหรือเปล่าว่า เราเป็นใคร?

ธรรม ละเอียดลึกซึ้ง ไม่ง่าย ถ้ากล่าวว่า ธรรม ไม่ต้องไปศึกษา คิดเอาเองก็ได้ ลืมไปหรือเปล่าว่า เราเป็นใคร? ในเมื่อไม่ใช่ผู้ตรัสรู้เอง ก็ต้องฟัง ต้องศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความละเอียดรอบคอบ

เพราะไม่รู้ จึงมีความเพลิดเพลิน เพราะเริ่มเข้าใจขึ้น จึงมีการขัดเกลาละคลายความเพลิดเพลิน และเมื่อรู้อย่างทั่วถึง ก็ดับความเพลิดเพลินได้หมดสิ้น

๐ ผู้ฟัง ทำกิจอะไร? ทำกิจของการฟัง แต่ยังไม่จบ ก็ต้องทำกิจนี้ต่อไป

ดับอวิชชาได้ ก็ดับความเพลิดเพลินได้หมดสิ้นโดยประการทั้งปวง

๐ กำลังโกรธ ก็ทำดีไม่ได้แล้วในขณะนั้น นี้คือความเป็นจริงของอกุศลที่ กลุ้มรุมจิต กางกั้นไม่ให้ความดีเกิดขึ้น

(ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันทุกท่าน ร่วมแบ่งปันข้อความธรรม ด้วยนะครับ)

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความย้อนหลังครั้งที่ ๑๑๑ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

@ เมื่อเราได้มีโอกาสเดินตามรอยพระบาท ที่เสด็จบิณฑบาต เสด็จมาพักบรรทมที่นี่ ก็ไม่ใช่เพียงแต่เดินตามรอยพระบาทเปล่าๆ แต่เดินตามรอยพระบาท ด้วยการ ประพฤติปฏิบัติตาม ด้วยการระลึกได้ว่า เมื่อเราได้มาถึงแล้ว เราเป็นผู้ที่มีศรัทธา เป็นผู้ที่มีบุญในอดีต เพราะฉะนั้น ก็ขอให้สะสมบุญต่อไป จนกว่าจะถึงแต่ละขณะ ที่จะ ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ในวันหนึ่ง

@ ถ้าคิดถึงความชั่วคราวของการมีชีวิตอยู่ สาระจริงๆ คือ ประโยชน์ที่ได้เข้าใจ ความ จริง จริงๆ เพิ่มขึ้นๆ กระทั่ง ละความติดข้อง และ อกุศลทั้งหลายได้ หนทางเดียว คือ ความเห็นถูก เท่านั้น

@ สะสมอกุศลมามาก แม้ตั้งแต่เช้าก็ประมาณไม่ได้ กุศลไม่มีปัจจัยให้เกิดมากเช่น อกุศล อกุศลมีปัจจัยเกิด พร้อมเมื่อไรก็เกิดเมื่อนั้น แม้ดับก็ไม่รู้ว่าดับ เสมือนมีเราอยู่ ตลอดเวลา แต่ความจริงไม่มีอะไรเหลือเลย แม้เดี๋ยวนี้ คิดครู่เดียวก็ดับไป คิดใหม่ก็ไม่ ใช่คิดเก่าที่กลับมาคิด นี้คือการเริ่มเข้าใจ ไตร่ตรองความจริงในสัจจะ จนกระทั่งสามารถ รู้จริงอย่างนั้น

@ แต่ละบุคคลจึงแตกต่างกันไปในความคิดนึกที่สะสมมา ที่สะสมความเข้าใจถูก หรือ สะสมความเข้าใจผิดมานั่นเอง การได้ศึกษาพระธรรม เข้าใจพระธรรม ปัญญานั่นเอง เป็นที่พึ่ง ให้พ้นภัยธรรมชาติ ภัยที่แท้จริงนั่นคือ ภัย คือ กิเลสที่ท่วมใจสัตว์โลกไม่ให้รู้ ความจริงและก็เป็นทุกข์กับสิ่งที่เกิดแล้ว เพราะไม่เข้าใจว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้น จะพ้นภัยคือกิเลสและภัยต่างๆ แม้ภัยธรรมชาติได้ ก็ด้วยการไม่เกิดอีก นั่นคือ ดับเหตุ คือ กิเลส ด้วยการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม

@ การฟังพระธรรม เป็นกุศล เป็นความดี เป็นการฟังเรื่องสัจจธรรม สิ่งที่มีจริงเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ฟังในสิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาเข้าใจสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ว่าแท้ที่จริงก็เป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้นจริงๆ ทำให้เข้าใจโลกและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง

@ เมื่อมีการฟังพระธรรมและมีความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ กุศลธรรมประการต่างๆ ก็จะเจริญขึ้นตามระดับขั้นของปัญญาด้วย เพราะเหตุว่า เมื่อปัญญาเจริญขึ้น การคิด การกระทำ และคำพูด ก็จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เพราะมีพระธรรมเป็นเครื่องฝึก ที่ดี สูงสุด คือ เมื่อปัญญาคมกล้าขึ้น ก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็น พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ปราศจากกิเลส ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ตามลำดับมรรค

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 13 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอนุญาตร่วมปันธรรม ที่มีความประทับใจจากการฟังท่านอาจารย์กล่าว ในภาคเช้าของวันนี้ที่มูลนิธิฯ สักเล็กน้อยดังนี้ครับ

...ถ้าไม่ฟังธรรมะ ประมาทไหม? เพราะนั่งเฉยๆ เป็นอกุศลก็ไม่รู้...

...ต้องไม่ลืมว่า ฟังธรรมะ เพื่อเข้าใจ สิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้!!!...

...อกุศล หรือ บาปทั้งหลาย จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ได้ไหม?...

...หลงติด ในสิ่งที่ไม่มี เพราะดับหมดแล้ว...

...ปัญญาเล็กๆ น้อยๆ จะเข้าใจความจริง ของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ได้หรือ?...

กราบท่านอาจารย์

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น เป็นอย่างยิ่งครับ

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 13 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 14 ต.ค. 2556

... ต้องไม่ลืมว่า ฟังธรรมะ เพื่อเข้าใจ สิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้ !!! ..

คำของท่านอาจารย์ที่คุณวันชัยนำมาลงเป็นคำเตือนที่ดี มากๆ สำหรับผู้ศึกษาพระธรรมทุกๆ ท่านครับ ถ้าฟังธรรมะแล้วเป็นเรื่องเป็นราวอื่นๆ ไป ก็เปล่าประโยชน์จริงๆ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.คำปัน อ.ผเดิม คุณวันชัย และทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เข้าใจ
วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อม แด่พระรัตนตรัย ด้วยเศียรเกล้า

ขออนุญาตท่านอาจารย์ครับ

กิเลส

พระธรรมที่ทรงแสดงแล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ศึกษาเพื่อให้รู้ว่ายังมีกิเลส เน่าใน คือ ร่างกายบริบูรณ์แต่มีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มีทุกชาติทุกภาษา กิเลสทุกชนิด เกิดขึ้นเพราะสะสมสืบต่อมาในอดีต เมื่อไม่รู้ก็เกิดอีกในอนาคต เพียงนึกเอา ไม่สามารถ ดับกิเลสได้ อยู่ชั่วขณะปัจจุบัน จงทำดีที่สุด ให้กิเลสทั้งหลายเบาลง ความอาฆาต ผูกโกรธ เป็นกิเลสที่ก่อให้เกิดการประทุษร้าย กิเลสอยู่ในใจของแต่ละคน ขณะที่เศร้า หมองเป็นอกุศล อย่าทำร้ายใจตนเอง กิเลสของตัวเองมีมากอยู่แล้ว ยังชอบไปรับกิเลส ของผู้อื่นมาเพิ่มพูนอีก ผู้เก่งกาจแต่ทางโลกยังไม่หมดกิเลส เป็นคนดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ยังมีกิเลส ยังไม่หมดหนี้ ทั้งหนี้เก่าและหนี้ในอนาคต เพียรละกิเลส มิใช่เพียรสะสม กิเลส เหลือเวลาน้อยที่จะผูกแพข้ามวัฎฏะ แม้จะรู้ว่ายังไม่สำเร็จ ก็เพียรไปดีกว่านิ่งอยู่ เฉยๆ จากหนังสือ ธรรมเตือนใจ แด่คุณประมาท

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งครับ

กราบขอบพระคุณ อ.จ เผดิม อ.จ คำปั่น และมิตรธรรมทุกท่านที่มอบธรรมที่ไพเราะครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนา สหายธรรมทุกท่าน ที่แบ่งปันธรรมเช่นกัน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kinder
วันที่ 14 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
papon
วันที่ 14 ต.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 15 ต.ค. 2556

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nippana
วันที่ 18 ต.ค. 2556

ขอบคุณอย่างสูงที่ปลุกผม ... ตื่นแล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 8 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ