การดูแลมารดา

 
papon
วันที่  19 ต.ค. 2556
หมายเลข  23878
อ่าน  2,309

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

การให้การดูแลสุขภาพมารดาหรือการชี้ให้ท่านรักษาศีลอย่างไหนจะบูชาคุณกว่าครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วย ครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 18 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระคุณของมารดาบิดา ที่ท่านได้กระทำต่อบุตรนั้น มีมากมายมหาศาล ยากที่จะพรรณนาให้หมดสิ้นได้ ท่านเป็นผู้ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านเป็นผู้พร่ำสอนให้บุตรออกจากความชั่ว แล้วให้ตั้งอยู่ในความดี สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้ศึกษาศิลปวิทยา เพื่อให้บุตรมีความรู้ติดตัวอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการงานประการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของบุตรดำเนินไปด้วยความไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า เป็นต้น

เมื่อมารดาบิดาเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อบุตร มากมายมหาศาลอย่างนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บุตรจะต้องมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้ถึงพระคุณที่มารดาบิดากระทำแก่ตนแล้ว กระทำตอบแทนท่าน การชื่นชมในคุณความดีของท่าน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงามตอบแทนท่าน มีความกตัญญู นั่นแหละ คือ การบูชาคุณของท่านแล้ว

ความกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้น จริงอยู่

การตอบแทนพระคุณของท่านอย่างสูงสุด คือ ด้วยการให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธา ศีล จาคะ (การสละ การให้) และ ปัญญา ตั้งอยู่ในคุณความดีประการต่างๆ ตามกำลังความสามารถของตน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะละเลยในสิ่งที่ควรทำสำหรับท่านในเรื่องต่างๆ เพราะการเลี้ยงดู ปรนนิบัติเอาใจใส่ดูแลในเรื่องสุขภาพของท่าน เป็นต้น ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรจะพึงกระทำ ด้วยความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะคอยประคับประคองให้กระทำในสิ่งที่ควรทำ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 19 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มารดา และ บิดา เป็นผู้มีบุญคุณและมีอุปการะมาก เพราะเป็นผู้ให้กำเนิด แสดงโลกนี้กับบุตร คือ ชี้ให้เห็นให้รู้สิ่งต่างๆ เป็นอาจารย์ เป็นครูคนแรก เพราะสั่งสอนบุตรให้รู้สิ่งที่ควร หรือ ไม่ควรก่อนใคร เป็นผู้สมควรแก่การให้สิ่งต่างๆ เป็นเนื้อนาบุญของบุตร เพราะท่านมีบุญคุณมาก ตามที่กล่าวมา หากไม่มีท่านทั้งสอง บุตรจะเกิดมาได้อย่างไร หากไม่มีมารดา บิดา ก็ไม่มีโอกาสได้อบรมปัญญา เจริญกุศลได้เลยครับ เมื่อท่านมีพระคุณมากอย่างนี้ การตอบแทนท่านทั้งสอง จึงไม่ใช่ง่าย แม้จะให้ทรัพย์สมบัติ ทั้งจักรวาล มอบความเป็นใหญ่ แม้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ไม่ชื่อว่าตอบแทนท่านเลย เพราะเพียงให้สมบัติที่ให้ความสุขในโลกนี้เท่านั้นครับ

แต่การตอบแทนที่เป็นตอบแทนท่านจริงๆ คือ การให้ความเข้าใจพระธรรม ให้เกิดกุศลธรรม มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา เป็นต้น เป็นการตอบแทนจริงๆ เพราะให้ประโยชน์ในโลกนี้ และประโยชน์ในโลกหน้า และเมื่อท่านมีความเข้าใจพระธรรม ท่านก็สามารถอบรมเจริญกุศล และอบรมปัญญาต่อไปจนถึงการดับกิเลสได้ในอนาคตครับ เปรียบเหมือน การที่ให้เราให้ปลากับชาวบ้าน กับการสอนให้ชาวบ้าน หาปลาด้วยการให้เบ็ดและสอนวิธีหาปลา ย่อมหาปลาได้เอง ไม่ใช่เพียงแต่รับ แต่ไม่สามารถหาปลาได้อีกครับ เบ็ดก็เหมือนกุศลธรรมและปัญญา ที่จะสามารถหาปลา คือ ทรัพย์สมบัติและได้ปลา คือกุศลธรรม และ บรรลุ มรรค ผลได้ในที่สุดครับ แต่พระธรรมไม่เป็นสาธารณะกับทุกคน และบิดามารดาของทุกคน แต่ผู้เป็นบุตรก็ทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ทั้งการช่วยเหลือกิจการงาน ให้เงินและทองและเมื่อมีโอกาสก็แนะนำพระธรรมบ้างตามกาลเวลา โดยไมได้หวังว่าท่านจะสนใจหรือไม่อย่างไร เพราะได้ชื่่อว่าทำหน้าที่ของบุตรที่ดีที่สุดแล้ว ดูก่อนบุตรคหบดี มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า บุตรควรทะนุบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ

๑. ท่านได้เลี้ยงเรามาแล้ว เราจักเลี้ยงดูท่านเหล่านั้น

๒. เราจักทำกิจของท่าน

๓. เราจักดำรงวงศ์ตระกูลไว้

๔. เราจักปฏิบัติตนเป็นผู้รับมรดก

๕. เมื่อมารดาบิดาล่วงลับไปแล้ว เราจักเพิ่มทักษิณาทานให้

บุตรธิดาผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดานั้น บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้ว ความกตัญญูนั้นเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้นถึงแม้ว่า บุตรธิดาจะยังไม่สามารถกระทำตอบแทนมารดาบิดาได้อย่างสูงที่สุดก็ตาม แต่การที่ได้รู้ว่า ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณเลี้ยงดูเรามาแล้ว ทำการเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งดำรงตนอยู่ในความถูกต้องดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรธิดาจะพึงกระทำ

ดังนั้น บุตรจึงควรระลึกถึงคุณของท่านที่มีมากและทำการตอบแทนท่านในทุกๆ ทางตามกำลังความสามารถของบุตรที่มี ดังเช่นที่ท่านเลี้ยงเรามา วันแม่จึงไม่ใช่มีวันเดียว แต่วันใดก็ตามก็เป็นวันที่เราควรทำดีกับบิดามารดาของเราเพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณกับเรามากครับ

ข้อความในพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า การบูชาคุณ ตอบแทนพระคุณ บิดามารดา แท้จริงคืออย่างไร

ก็ถ้าบุตรวางมารดาไว้บนจงอยบ่าขวา บิดาไว้บนจงอยบ่าซ้าย ด้วยหมายจักทำตอบแทนแก่ท่าน พึงประคับประคองในอวัยวะทั้งปวง ทำการบำรุงท่าน ผู้ดำรงอยู่บนจงอยบ่าทั้ง ๒ นั้นนั่นแล ด้วยกิจมีการอบกลิ่น เป็นต้น แม้มารดาบิดานั้น พึงนั่งถ่ายปัสสาวะและอุจจาระบนจะอยบ่าทั้ง ๒ ของบุตรนั้นแล บุตรนั้น ถึงทำอยู่อย่างนั้นตลอด ๑๐๐ ปี ก็ไม่อาจทำตอบแทนแก่ท่านได้เลย แม้ถ้าบุตรพึงสถาปนาบิดาไว้ในความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ มารดาไว้ในความเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ไซร้ แม้อย่างนั้น ก็ไม่อาจทำตอบแทนได้เหมือนกัน

ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดา ผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยศรัทธา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยศีล ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยการให้ยังมารดาบิดาผู้ทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 19 ต.ค. 2556

การดูแลสุขภาพเพียงชาติเดียวแต่การให้มารดาที่ไม่มีศีล ให้ตั้งอยู่ในศีลให้ประโยชน์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 19 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 20 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nopwong
วันที่ 20 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 21 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Smornmas
วันที่ 1 มี.ค. 2566

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ