รูปที่เกิดเพราะเจตสิก

 
papon
วันที่  21 ต.ค. 2556
หมายเลข  23891
อ่าน  1,777

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"รูปที่เกิดขึ้นเพราะจิตและเจตสิกในขณะนั้น" รูปที่เกิดเพราะจิตกระผมพอเข้าใจ แต่รูปที่เกิดเพราะเจตสิกเป็นอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รูป เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย รูปมีทั้งหมด 28 รูป ซึ่งใน 28 รูป ก็มีการแบ่งรูป มีการแบ่งในลักษณะต่างๆ ซึ่งบางครั้ง แบ่งรูป 28 รูปในลักษณะที่เป็น มีลักษณะ กับ ไม่มีลักษณะ คือ สภาวะรูป กับอสภาวะรูป แต่ทั้งสองนี้ก็อยู่ในรูป 28 ไม่พ้นจากรูปทั้ง 28 รูป บางครั้งก็แบ่ง รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน กับรูปที่ไม่เป็นใหญ่ ต้องอาศัยที่เกิด ที่เรียกว่า มหาภูตรูป กับ อุปทายรูป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ก็ไม่พ้นจาก รูป 28 ครับ โดยนัยเดียวกัน บางครั้งก็แบ่ง รูป เป็น ตามธรรมที่ทำให้เกิดรูปที่เรียกว่า สมุฏฐานของรูป เพราะรูป จะต้องมีธรรมที่เป็นที่ตั้ง หรือ เป็นเหตุให้เกิดรูปแต่ละรูปครับ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้แตกต่างกันไป จึงแบ่งรูป 28 รูป เกิดจากสมุฏฐาน ที่ทำให้รูปเกิด 4 สมุฏฐาน คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร รูปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า กัมมัชรูป รูปที่เกิดจากจิตก็เรียกว่า จิตตชรูป รูปทีเกิดจาก อุตุ เรียกว่า อุตุชรูป รูปที่เกิดจากอาหาร เรียกว่า อาหารชรูป ซึ่ง ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิด

กัมมชรูป คือ รูปที่เกิดจากกรรม หมายถึง รูป ๑๘ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ ปสาทรูป ๕ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑

อาหารชรูป คือ รูปที่เกิดจากโอชา หมายถึง กลุ่มของรูปที่เกิดจากอาหารรูป (โอชา) คือเมื่อรับประทานอาหารที่เป็นคำๆ (กพฬิงการาหาร) เข้าไปในร่างกายแล้ว โอชารูป ในอาหารที่เป็นคำๆ นั้น จะเป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มของรูปใหม่ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง รูปที่เกิดจากอาหาร (อาหารชรูป) มี ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ ปริจเฉทรูป ๑

จิตตชรูป คือ รูปที่เกิดจากจิต หมายถึง รูป ๑๕ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ วิญญัติรูป ๒ สัททรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑ ซึ่่งเกิดจากจิตเป็นปัจจัย จิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มี ๗๕ ดวงเท่านั้น เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ อรูป วิบาก ๔ (จิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะจิตในขณะปฏิสนธิกาลมีกำลังอ่อน จุติจิตของพระอรหันต์ก็ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นความสิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ หมดความสืบต่อของนามและรูปทั้งปวง) ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ มีเสียง พูดออกมา เสียง ที่เป็นรูป ก็มีเหตุมากจาก จิตที่มีความต้องการที่จะพูด จึงพูดออกมา เพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจกัน ครับ

อุตุชรูป คือ รูปที่เกิดจากอุตุ (ความเย็น ความร้อน) และอุตุชรูปนี้เกิดได้ทั้งภายในและภายนอก สำหรับภายในสัตว์ เกิดขึ้นได้ทุกๆ ขณะของจิต นับตั้งแต่ฐีติขณะของปฏิสนธิ เป็นต้นมา จิตเกิดขึ้น ๑ ขณะ จะมีอนุขณะ ๓ คือ อุปาทขณะ ฐีติขณะ ภังคขณะ อุตุชรูป ๑๓ อุตุชรูป คือรูปที่เกิดจากอุตุ และรูปที่เกิดจากอุตุมี ๑๓ คือ อวินิพโภครูป๘ (มหาภูตรูป ๔ วัณณรูป ๑ คันธรูป ๑ รสรูป ๑ โอชา ๑) ปริจเฉทรูป๑ วิการรูป๓ (ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป) สัททรูป ๑ ยกตัวอย่างเช่น ต้นไม้ ภูเขา เหล่านี้ ก็เกิดจากปัจจัย คือ อุตุ ความเย็น ความร้อน อากาศให้เป็นไป ทำให้เกิดรูปขึ้น ที่เป็น สมมติบัญญัติว่าเป็นภูเขา ต้นไม้ ครับ ซึ่ง จากคำถามที่ว่า "รูปที่เกิดขึ้นเพราะจิตและเจตสิกในขณะนั้น" รูปที่เกิดเพราะจิตกระผมพอเข้าใจ แต่รูปที่เกิดเพราะเจตสิกเป็นอย่างไรครับ จากที่ยกมานั้น แสดงการเกิดของรูป เพียง 4 สมุฏฐานเท่านั้น มี จิต เป็นต้น ดังนั้น รูปเกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน แต่ไมได้เกิดจากเจตสิกเป็นสมุฏฐาน แต่ รูปเกิดพร้อมกับเจตสิกได้ ครับ เพราะ รูปทีเกิดจากจิต ที่เกิดพร้อมกันในขณะนั้น เมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ เจตสิกนั้น จึงเป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้ โดยการเกิดพร้อมกันในขณะนั้น ครับ แต่ เจตสิกไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้ โดยนัยสมุฏฐาน จิตเป็นปัจจัยให้เกิดรูป เจตสิกเกิดพร้อมกับรูปและจิต และ เจตสิกเป็นปัจจัยให้เกิดรูปโดยนัย สหชาตปัจจัย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 22 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นความละเอียดลึกซึ้งของธรรมอย่างแท้จริง เพราะความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่เกิดร่วมกัน ดับพร้อมกัน รู้อารมณ์เดียวกันจิต เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้ ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ และเมื่อจิตเกิดขึ้นก็ต้องกล่าวหมายรวมเจตสิกธรรมทีเกิดร่วมด้วย ถ้ายก จิต ขณะที่เป็นเหตุให้เกิดจิตตชรูปขึ้นเป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย (เป็นปัจจัยโดยการเกิดพร้อมกัน) เจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย และ จิตตชรูปที่เกิดพร้อมกัน นั้น เป็นผลของจิตที่เกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น ถ้ายกเจตสิกธรรมหนึ่งเจตสิกใด เป็นปัจจัย แล้ว จิตและเจตสิกอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วย และ จิตตชรูป ก็เป็นผลของเจตสิกธรรม นั้น เป็นการกล่าวให้เห็นถึงความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม ซึ่งเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว รูปที่เกิดจากจิต ย่อมเกิดเพราะจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันในขณะนั้นทั้งหมด ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 22 ต.ค. 2556

จิตและเจตสิกเป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้ เช่น ขณะที่โกรธ ก็ทำให้หน้าแดง มีโทสเจตสิก เกิดร่วมด้วย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 22 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 24 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ