วอนผู้รู้ตอบข้อสงสัย
ผมบวชที่วัด ตอนนี้สึกแล้ว แต่หนักใจมากและกังวลมากเรื่อง อาบัติสังฆาทิเสส ผมไปติดประมาณ 4 ตัวได้ โดยไม่รู้ เพราะบวชได้ไม่นาน แต่พอผมรู้ จิตผมตกและสำนึกผิดและพายายามหาทางแก้ไข ก็มีคนแนะนำให้ไปอยู่ปริวาส วัดชากสมอ ผมก็ตกลงว่าไป และสึกที่นั้นเลย คณะอาจารย์กรรมได้ตัดสินให้ผมอยู่ 1 เดือนแล้วให้สึก ผมก็ตกลง แต่ในคณะที่ผมอยู่ ผมเครียดทุกวัน แต่ก็มีสบายใจบ้าง เครียดเรื่องกลัวติดซ้อน ทั้งๆ ที่ผมตัดทุกอย่างแล้ว แต่ 99 เปอร์เซนต์คิดว่าคงไม่ติดซ้อน และตั้งใจทำ พอสึกออกมาก็เกิดข้อสงสัยนู้นนี้นั้น เรื่องกลัวอาบัติจะตามออกมา วัดที่ผมไปอยู่ดีหรือเปล่า ถูกต้องหรือเปล่า บางคนก็บอกว่าสึกออกมาทำมาค้าขายไม่ขึ้น บางคนก็บอกสึกแล้วอาบัติไม่ตามออกมา บางคนก็บอกว่าได้ประสบการณ์ตรงมาว่า ทำมาค้าขายไม่ขึ้น ผมก็ไม่รู้จะทำไงกับชีวิต ประมาณว่าไม่กล้าที่จะเชื่อใคร ตอนนี้ จิตตก เครียด และกลัว ตอนนี้พอใช้สมองนำทางชีวิติได้ แต่เวลาสุขไม่เคยเต็ม 100 เลยสักครั้งเดียว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรเข้าใจความจริงครับว่า หากว่า สึกออกมาแล้ว ในเพฤศคฤัสถ์ อาบัติที่เคยล่วง ไม่ว่าในข้อใด ก็จะไม่ติดตามมาอีกเลย ยกเว้นเสียแต่กลับไปบวชใหม่ ที่สำคัญ หากไม่ใช่การทำการผิดศีล ที่เป็นการฆ่าศัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามที่เป็นอกุศลกรรมบถ ก็ไม่ส่งผลกลับชีวิตแน่นอน ซึ่งควรเข้าใจว่า อาบัติของพระภิกษุ ย่อมมีผล จำกัด กับเฉพาะเพศบรรพชิตเท่านั้น ไม่ได้มาติดตาม เมื่อสึกเป็นคฤหัสถ์แล้ว ครับ
เพราะฉะนั้น ก็ขอให้สบายใจว่า อาบัติที่เคยล่วงมา เมื่อตอนเป็นบรรพชิต แม้แต่อาบัติสังฆาทิเสสก็ไม่มีผลกับชีวิต ครับ อย่างไรก็ดี เมื่อเป็นเพศคฤหัสถ์แล้ว ก็ควรประพฤติตนให้เหมาะสม คือ การทำหน้าที่ของตนเอง ทั้งต่อ บิดา มารดา บุตร ภรรยา ครอบครัว และต่อสังคมรอบข้างด้วยการทำหน้าที่ที่ดี และที่สำคัญที่สุด แม้คฤหัสถ์ ก็สามารถอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมได้ และสามารถเจริญกุศลทุกๆ ประการ เพราะฉะนั้น ชีวิตที่ประเสริฐไม่ได้อยู่ที่เป็นบรรพชิต หรือ คฤหัสถ์ แต่ สิ่งที่ประเสริฐ คือ เกิดมา ทำความดี และ ศึกษาพระธรรม อันจะเป็นที่พึ่งต่อไปในโลกหน้า เพราะ ควรเห็นภัยต่างๆ ทีเกิดขึ้น ก็มาจากกิเลส ความเดือดร้อนใจประการต่างๆ แม้แต่เรื่องนี้ ก็มาจากกิเลส ควรแสวงหาทางดับกิเลสด้วยการศึกษา อบรมปัญญาเป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้ารู้ถึงประโยชน์จริงๆ ของการบวชในพระพุทธศานาแล้ว ก็จะต้องเป็นผู้มีความจริงใจในการจะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรม เจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเองยิ่งขึ้น ให้สมกับที่สละทุกสิ่งทุกอย่างทั้งวงศาคณาญาติ โภคสมบัติ เพื่อมุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกที่ควร และละเว้นในสิ่งที่ไม่ควร ทั้งหมดนั้นก็ต้องได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม เพราะถ้าไม่มีความเข้าใจแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาพระวินัยได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง เพราะบรรพชิตจริงๆ ในพระพุทธศาสนา คือ ต้องน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมขัดเกลากิเลสของตนเอง
แต่ถ้าเห็นว่าตนเองไม่เหมาะควรที่จะอยู่ในเพศที่สูงยิ่ง ก็รู้ฐานะของตนเอง เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ยิ่งจะมีโทษมาก
เมื่อลาสิกขาแล้ว ย่อมไม่มีอาบัติอีกต่อไป สามารถเป็นคนดี ในเพศคฤหัสถ์ได้ โดยไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องอาบัติ เพราะเป็นคฤหัสถ์แล้ว ไม่มีอาบัติ ไม่ใช่เพศบรรพชิตอีกต่อไป ก็ควรที่จะเป็นคนดี ควบคู่ไปกับการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...